นักวิทยาศาสตร์จาก Temple University และ ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยเนแบรสกา สหรัฐอเมริกาสามารถกำจัดไวรัสเอชไอวีในหนูได้สำเร็จ โดยใช้เทคโนโลยีตัดต่อยีนร่วมกับการใช้ยาต้านไวรัสแบบออกฤทธิ์ช้าๆ ซึ่งการศึกษานี้ ถูกเผยแพร่เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา
Howard Gendelman ประธานมหาวิทยาลัยศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ เภสัชศาสตร์ แผนกประสาทวิทยาทดลอง ผู้ศึกษาวิจัยงานชิ้นนี้ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่เชื้อ HIV จะสามารถรักษาให้หายได้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง แต่ผลการทดลองนี้ก็ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้น
ข้อมูลจาก โครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติ (UNAIDS) พบว่าปัจจุบัน มีประชากรราว 37 ล้านคน ป่วยด้วยเชื้อ HIV ซึ่งหากไม่รักษา HIV จะพัฒนาทำให้เกิดโรคเอดส์ การรักษา HIV แบบรายวัน คือต้องกินยาต้านไวรัส (Antiretroviral Therapy หรือ ART) ไปตลอดชีวิต ซึ่งเป็นเพียงการยับยั้งเชื้อไวรัส แต่ไม่สามารถกำจัดให้ออกไปจากร่างกายได้ ถ้าหากผู้ป่วยหยุดทานยา เชื้อ HIV ก็จะกลับมาอีก เพราะเชื้อไวรัส จะเข้าไปใน DNA และเข้าไปอยู่รวมกับจีโนมของเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกัน และยากเกินกว่าที่ยาต้านไว้รัสจะเข้าถึง
การศึกษานี้ทีมวิจัยใช้ยาต้านไวรัสรูปแบบใหม่ ที่เรียกว่า LASER ART หรือ ยาต้านไวรัสแบบออกฤทธิ์ช้าๆ กับประชากรหนูทดลอง 23 ตัว ที่ผ่านการดัดแปลงพันธุกรรมให้มีความคล้ายคลึงกับการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันของมนุษย์ พวกมันสามารถควบคุมเมแทบอลิซึมของยาที่เข้าไปยับยั้งแบบจำลองไวรัสได้ ร่วมกับวิธีตัดจีโนม HIV โดยใช้เครื่องมือตัดต่อยีน ที่เรียกว่า CRISPR -Cas9 ซึ่งช่วยให้ทีมวิจัยสามารถดำเนินการกับ DNA เพื่อเพิ่มหรือยังยั้งทำงานของยีนบางตัว
จากการทดลองนี้ให้ทีมวิจัยเชื่อว่าการรักษาด้วยยาต้านไวรัสแบบออกฤทธิ์ช้าๆ สามารถช่วยให้ไวรัสลง และทำให้การใช้เครื่องมือตัดต่อยีนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืออาจกล่าวได้ว่า 2 วิธีการนี้ทำงานร่วมกันเป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีขั้นตอนที่แตกต่างกัน
Gendelman ยังระบุว่า กระบวนการรักษาจะสำเร็จก็ต่อเมื่อสามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ทุกตัว และจากการทดลองนี้ สามารถกำจัดเชื้อ HIV ในหนูทดลอง 9 ตัว จากทั้งหมด 23 ตัว หรือ 1 ใน 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์สำหรับทีมวิจัย ซึ่งหลังจากนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจากสามารถทดลองทางคลินิก ซึ่งอาจจะต้องศึกษาความเป็นพิษ และการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับการรักษาในร่างกายมนุษย์
“ซึ่งทีมนักวิจัยกำลังทำงานเพิ่มศึกษาเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องและมีความหวังว่าจะประสบความสำเร็จ และพยายามให้เทคโนโลยีนี้ก้าวไปข้างหน้า” Gendelman กล่าว
ที่มา : https://www.usatoday.com/…/researchers-cure-hiv…/1635072001/
