เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ร่วมกับสถานทูตเอกอัครราชทูตออสเตรเลียและเนเธอร์แลนด์ จัดเสวนาเพิ่มความตระหนักรู้แก่ภาคเอกชนในการแก้ปัญหาการกีดกันกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ เนื่องในโอกาสวันรณรงค์ยุติความเกลียดชังต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศสากล (International Day Against Homophobia, Transphobia and Biphobia – IDAHOT) ประจำปี 2022
ผู้จัดชี้ว่า ปัญหาการกีดกันผู้มีความหลากหลายทางเพศในภาคเอกชนยังเป็นปัญหาเงียบในสังคมไทย การตระหนักรู้ถึงปัญหานี้และแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วสำคัญ เนื่องจากปัญหาโควิด-19 ที่สังคมกำลังเผชิญนั้นยิ่งถ่างช่องว่างของปัญหาให้กว้างยิ่งขึ้นอีก โดยจากความเหนของผู้เชี่ยวชาญหลายรายระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงานของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศนั้นเกิดขึ้นในรูปแบบซ้ำ ๆ โดยเกิดมาจากการขาดการแก้ปัญหาเชิงนโยบายจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล และเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นก็มักจะขาดกลไกในการเข้าไปบริหารจัดการข้อเรียกร้องจนเป็นเหตุให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศมักเลือกที่จะลาออกเพื่อหลีกเลี่ยงบรรยากาศการทำงานอันตึงเครียด เป็นเหตุให้เครือข่ายฯเห็นความสำคัญในการจัดงานนี้ขึ้นมา เพื่อดึงเอาตัวแทยฝ่ายรัฐ ฝ่ายเอกชน และภาคประชาสังคม ตลอดจนองค์กรภายใต้องค์การสหประชาชาติและนักการทูตในประเทศไทยเข้าร่วมถกปัญหาและหาทางออกร่วมกับบริษัทต่าง ๆ ในประเทศเพื่อส่งเสริมสิทธิความหลากหลายทางเพศในประเทศไทย
เรอโนด์ เมย์ ผู้แทนสำนักโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวว่า “สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติแสวงหาโอกาสที่จะทำงานร่วมกับหลายภาคส่วนที่พร้อมสนับสนุนเพื่อแก้ปัญหาได้อย่างต่อเนื่องยาวนานและยั่งยืน เราตั้งใจแล้วว่าจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังท่ามกลางการฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19 นี้ เพื่อมุ่งสู่เส้นทางของการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืน”
ฯพณฯ ท่านแร็มโก ฟัน ไวน์คาร์เดิน เอกอัครราชทูตแห่งราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทย กล่าวว่าเนเธอร์แลนด์เดินหน้าต่อสู้กับการกีดกันทางเพศต่อผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างต่อเนื่องและรณรงค์ให้สังคมเกิดการยอมรับไปทั่วโลก “เราหลายคนใช้เวลาในชีวิตส่วนใหญ่อยูในที่ทำงาน ดังนั้นจำเป็นมากที่เราจะต้องเป็นตัวของตัวเองในที่ทำงานได้โดยไม่ต้องกระทบสุขภาพจิต ไม่ถูกประเมินว่าเกี่ยวกับศักยภาพการทำงานหรือความพึงพอใจของนายจ้าง การที่แวดวงธุรกิจชั้นนำของไทยเริ่มมาสร้างตัวอย่างค่านิยมนี้นั้นน่าสนใจมากเพื่อให้เกิดบรรยากาศที่ทุกคนสามารถแข่งขันกันอย่างเท่าเทียมได้ กรณีศึกษาต่างๆเรื่องการสร้างบรรยากาศการทำงานที่หลากหลายและมีส่วนร่วมนั้นมีให้เห็นอย่างชัดเจน แต่ในโลกจริงนั้นก็ยังเป็นเรื่องท้าทายในการหยิบเอานโยบายต่าง ๆ มาปรับใช้กับสถานการณ์จริงและทำให้ที่ทำงานเป็นที่ที่เป้นมิตรต่อกลุ่มเพศหลากหลายอย่างแท้จริง การจัดให้นายจ้าง ลูกจ้าง ภาครัฐ และภาคประชาสังคม มาพูดคุยร่วมกันในวันนี้ ผมหวังว่าจะทำให้บรรลุเป้าหมายร่วมกันง่ายขึ้น”
ด้าน จูเลีย ฟีนีย์ รองหัวหน้าสำนักงานสถานทูตออสเตรเลียกล่าวว่า สถานททูตออสเตรเลียประจำกรุงเทพมหานคร ยินดีที่ได้ร่วมมือกับ สำนักโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย และสถานเอกอัครราชทูตเนเธอร์แลนด์ประจำประเทศไทยเพื่อรณรงค์ความหลากหลายและการมีส่วนร่วม ซึ่งประเด็นดังกล่าวถือเป็นหัวใจสำคัญของค่านิยมที่ออสเตรเลียยึดถือ “เราภูมิใจในความหลากหลายและมองว่าความหลากหลายเป็นทั้งทุนและจุดแข็ง เราเริ่มทำงานกับภาคธุรกิจในประเทศไทยและชุมชนผู้มีความหลากหลายทางเพศในประเทศร่วมกันทำงานเพื่อทำให้ประเด็นนี้ไปไกลมากขึ้น”
ขณะที่ธีมงานวันยุติการเกลียดกลัวความหลากหลายทางเพศสากลมีไว้ว่า “ร่างกายของเรา ชีวิตของเรา สิทธิของเรา” ทั้งสามภาคส่วนที่ร่วมจัดงานระบุว่าจะดำเนินการพูดถึงปัญหาการกีดกันทางเพศและร้องขอให้ฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสร้างบรรยากาศในที่ทำงานให้ปลอดภัยและยั่งยืนต่อไป
