ถ้าพูดถึง เจนนิเฟอร์ คิ้ม (หรือชื่อจริงว่า พรพรรณ ชุนหชัย) คนส่วนใหญ่จะนึกถึงเธอในมาดนักร้องพลังเสียงทรงพลังก่อนเป็นอันดับแรก แต่ในระยะหลัง ยอดดีว่าอันดับท็อปของเมืองไทยหันหน้าเข้าสู่บทบาทใหม่ซึ่งทำได้ดีไม่น้อย นั่นคือการเป็นนักแสดง

โดยผลงานที่ทำให้เธอได้ฉายแสงคือการรับบทเป็น สุรีย์ แม่ของศักรินทร์ (พีช – พชร จิราธิวัฒน์) ในหนังเรื่อง ไบค์แมน ศักรินทร์ตูดหมึก (2561) และเธอก็ทำหน้าที่ได้ดีราวกับมีประสบการณ์การแสดงมาทั้งชีวิต ได้รับคำชมในวงกว้างจนหากมีชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบหญิงก็ไม่น่าเกลียดอะไร
และเมื่อ ไบค์แมน กลับมาพร้อมหนังภาคใหม่ที่คราวนี้หั่นชื่อเหลือเพียงแค่ ไบค์แมน 2 เธอก็กลับมารับบทเดิมอีกเช่นกัน แต่เพิ่มเติมเข้ามาคือฝีไม้ลายมือในการแสดงที่จัดจ้านขึ้น สามารถสร้างเสียงฮาให้คนดูเดินออกจากโรงหนังไปพร้อมกับความสุข ซึ่งเธอคิดว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในปัจจุบัน และตัวเธอเองก็กำลังต้องการมันด้วยเช่นกัน
“สถานการณ์ทุกวันนี้ เราหาสิ่งที่ทำให้หัวเราะได้ยากมาก โดยเฉพาะในช่วงที่คนเราเครียดกับเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ เวลาเราเสพโซเชียลมีเดียก็โครตเครียดเลย มีแต่คนไม่ได้ดั่งใจ มีแต่คนด่ากัน ดังนั้น อย่าบอกว่าวันๆ คนไทยประหลาด ไว้มาเป็นคนไทยก่อนแล้วจะเข้าใจว่าชีวิตพวกกูเนี่ยแม่งบางครั้งมันโครตบัดซบเลยนะ มันเหนื่อย กูไม่ไหวแล้ว กูต้องการหนังแบบ ไบค์แมนภาค 1 ต่อด้วยภาค 2 กูต้องการสิ่งนี้”
เห็น เจนนิเฟอร์ คิ้ม มาพร้อมอินเนอร์หนักแน่นเพียงนี้ หลายคนคงคิดว่าเธอติดใจโลกของภาพยนตร์ใบนี้เข้าเต็มเปาเสียแล้ว แต่เธอแก้ข่าวว่าตัวเองไม่ได้ติดใจในการแสดงมากเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับการได้ทำงานและได้เจอคนที่มีความทุ่มเทให้กับงานในกองถ่าย ไม่ว่าจะเป็นนักแสดงด้วยกัน หรือบุคคลเบื้องหลังทั้งหลาย
“พี่ไม่ได้ติดใจในการแสดงอะไรเลย พี่ติดใจในการเจอแก๊งเก่าๆ ของพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นแบบคนยกไฟ ทีมไฟ ทีมกล้อง ทุกทีมที่หน้าคุ้นเหมือนคนครอบครัว มันเหมือนงานเลี้ยง มีญาติๆ มีทุกคนมาร่วมกิจกรรม ทำอะไรสักอย่างหนึ่งด้วยกัน มันสนุกตรงที่ทุกคนมีงานทำ พี่ไม่ได้นับตัวเองหรือนักแสดงนะ พี่นับช่างไฟคนนั้น เด็กยกไฟคนนี้ ยังเห็นคนเดิม ทีมเดิมมาอยู่ ทุกคนมีงานทำแปลว่าชีวิตมันดีนะ ไม่รู้ว่ามันดีขึ้นรึเปล่าแต่มันดี แล้วในขณะที่เรามองว่าคนดูให้การสนับสนุนเกินร้อยล้านจนคนพวกนี้มีงานทำอีก พี่จะถือว่านี่แหละเป็นจุดที่เราอยากเป็นนักแสดง เพื่อจะได้ร่วมงานกับคนที่รักการทำงาน”

จากฉากหน้า ไบค์แมน อาจดูไม่ใช่หนังที่มีสาระมากมาย แต่ในความคิดของ เจนนิเฟอร์ หนังแฝงประเด็นหนักๆ ฉาบหน้าไว้ด้วยความตลกที่ย่อยง่าย หนังภาคแรกหนังมาพร้อมประเด็นสำคัญว่าด้วยการโกหกเมื่อ ศักรินทร์ โกหกครอบครัว โกหกแม่เรื่องหน้าที่การงาน ลามไปถึงเรื่องอื่นๆ จนเกิดเป็นปัญหายุ่งเหยิง ในภาคนี้เรื่องราวก็ยังคงวนเวียนอยู่กับประเด็นนี้เช่นเคยในรูปแบบที่แตกต่างออกไป แต่ยังไม่วายแฝงแง่คิดดีๆ เอาไว้ให้ถกเถียงกันต่อ
“ไบค์แมน หากดูดีๆ มันบอกถึงการให้ความสำคัญกับตัวเราเอง การไม่โกหกตัวเราเอง การซื่อสัตย์ต่อตัวเองแล้วก็ซื่อสัตย์ต่อคนอื่นๆ ถึงตัวละครแต่ละตัวจะบ้าๆ บอๆ แต่มันมีความเคารพในกันและกัน มองเห็นในความต่างของตัวละครอื่นๆ ถึงต่างแต่ก็คบกันได้ ช่วยเหลือกันได้” เจ้าของบทสุรีย์กล่าว
ประเด็นเรื่องการโกหกยังติดอยู่ในหัวเธอมากกว่าที่ใครคิด เธอมองว่าทุกวันนี้คนเราโกหกกันจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่สำคัญ นิยามของคำว่าโกหกในพจนานุกรมของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันด้วย
“เราต้องถามว่านิยมการโกหกของแต่ละคนคืออะไรก่อน ถ้าพูดไม่หมดถือว่าโกหกไหม ไม่พูดเรื่องนี้เบี่ยงไปเรื่องอื่นถือว่าโกหกไหม ไม่พูดตรงๆ แต่พูดให้มันซอฟท์ไปทางอื่นถือว่าโกหกไหม ถ้าใช่ พี่ว่าใครๆ ในโลกนี้ก็โกหก มันเกิดขึ้นทุกวันในชีวิตจริง เวลาเราถ่ายรูปตัวเองไปกินอาหารแพงๆ ใช้อะไรของแพงๆ ในโลกโซเชียล เราก็กำลังโกหกตัวเองว่าชีวิตฉันดีกว่าคนอื่น และโกหกตัวเองว่าฉันสำคัญ ในเรื่อง ไบค์แมน มันทำให้เห็นโครตของการโกหกในเรื่องใกล้ๆ ตัวอย่าง การโกหกกันในครอบครัว”

เธอยังสะท้อนถึงการโกหกในชีวิตตัวเองด้วย ซึ่งัมนเริ่มต้นมาตั้งแต่เหยียบเท้าเข้าสู่วงการบันเทิงแล้ว “เมื่อคุณเข้ามาเป็นคนในแวดวงบันเทิง คุณเหมือนจะต้องโกหกตั้งแต่เริ่มตั้งเข็มว่าจะเป็นคนในแวดวงนี้แล้ว โกหกอย่างแรกคือ คุณเป็นตัวของคุณเอง 100% ไม่ได้ เพราะคนเขามีธงคำตอบในใจแล้วว่า ฉันต้องเป็นอย่างนี้ ฉันต้องตัดสินใจแบบนี้ ถ้ามันบิดเพี้ยนไปคุณก็โดนถล่มด่าเป็นกระแสไปพักหนึ่ง หรือพูดอะไรผิดก็จะโดนถล่มด่า คุณต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความคิดของตัวเราเอง ความจริงของตัวเราเอง กับความจริงในโลกของความเป็นจริง ว่าคนข้างหน้าทั้งหมด ประชาชน หรือคนส่วนใหญ่ไม่ต้องการความจริงจากเรา เราก็จะแสดงออกไม่ได้เต็มที่ เราจะพูดเบี่ยงไปเรื่อยเพราะถ้าเราพูดจริงๆ ก็คงฉิบหายอะค่ะ”
แม้ชีวิตคนเราจะพันพันกับเรื่องโกหกตลอดเวลา แต่สิ่งที่เธอกล้าพูดอย่างสัตย์จริงก็คือ ไบค์แมน 2 เป็นหนังที่สนุก บันเทิงเริงใจมากๆ เหมาะสำหรับใครที่อยากเปลี่ยนบรรยากาศจากความตึงเครียดในชีวิตจริง เข้าไปหัวเราะให้กรามค้าง
ซึ่งหากใครอยากได้ความผ่อนคลายนี้ และอยากพิสูจน์ว่าเธอพูดจริงหรือไม่ ก็สามารถเช็ครอบฉายแล้วเดินเข้าไปตีตั๋วได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์ใกล้บ้านคุณ







![[ประมวลภาพ] เหนือคำบรรยายสมการรอคอย ใน “Omoinotake One Man Live in Taipei & Bangkok”](/_next/image?url=https%3A%2F%2Fimages.workpointtoday.com%2Fworkpointnews%2F2025%2F12%2F18194713%2F1766062032_006495-workpointtoday.webp&w=2048&q=75)


