ครอบครัวบาเน็ง ดุอาห์ วิงวอนอัลเลาะห์ให้ตอบรับคำขอให้ได้เจอ แวอับดุลวาเหะ บาเน็ง อีกครั้ง หลังสูญหายไปขณะเดินทางจากการเฝ้าสุสานที่ จ.ปัตตานี กลับบ้านที่ อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2548
การหายตัวไปครั้งนั้นไม่มีพยานและหลักฐานใดให้ติดตาม

แวอับดุลวาเหะ บาเน็ง เป็นหนึ่งในรายชื่อบุคคลหายสาบสูญของคณะทำงานสหประชาชาติว่าด้วยการสาบสูญโดยถูกบังคับหรือไม่สมัครใจ ซึ่งต่อมา ปลายปี 2562 มีบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเข้าพบครอบครัวบาเน็ง เพื่อขอให้ถอนรายชื่อออกจากรายงาน แต่ครอบครัวไม่ยินยอม
หนังสือร้องขอความเป็นธรรมหลายฉบับ ถูกส่งไปหลายหน่วยงาน ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่ วาหม๊ะ บาเน็ง ผู้เป็นแม่จะติดตามหาลูกชาย แต่ผ่านมา 15 ปี ไม่มีหน่วยงานใดให้คำตอบ ซึ่งเธอบอกว่า รู้สึกเหมือนไม่มีความยุติธรรมเลย
ยังมีแม่อีก 36 ครอบครัวในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่พยายามติดตามหาลูกที่ถูกบังคับให้สูญหาย ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา

เช่นแม่ของ อับดุลเลาะห์ อาบูคารี ได้เข้าแจ้งความกับ สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส หลังลูกชายหายตัวไปเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2552 หลังลูกชายเป็นพยานในคดีการอุ้มหาย ของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความประธานชมรมนักกฎหมายมุสลิม เนื่องจากเป็นลูกความคนสุดท้ายที่ได้พูดคุยกับทนายสมชาย
การตามหาตัวลูกชายกว่า 11 ปีนั้น ไม่ทำให้ผู้เป็นแม่ท้อถอย
มัสตะ เจะอูมา ผู้เป็นแม่บอกว่า ยังรอ ยังคิดถึงลูกอยู่เสมอ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- มรดกแห่งการสูญหาย : รายงาน ‘สูญสิ้น สูญหาย แต่ไม่สิ้นหวัง’ ตอนที่ 1
- รอยแผลในคราบน้ำตาของหญิงชายแดนใต้ : รายงาน ‘สูญสิ้น สูญหาย แต่ไม่สิ้นหวัง’ ตอนที่ 2
- ฉลองวันเกิดคนสูญหาย กับลมหายใจของคนตามหา : รายงาน ‘สูญสิ้น สูญหาย แต่ไม่สิ้นหวัง’ ตอนที่ 4










