
กรณีคนร้ายบุกเข้าไปในสำนักสงฆ์พระประเสริฐเกิดผล ที่หมู่บ้านโพนทอง หมู่ที่ 3 ต.หนองพันทา อ.โซ่พิสัย และใช้ผ้าชุบน้ำมันโยนเข้าไปในกุฏิของพระสมจิต ขันติธโร หรือหลวงพ่อแต อายุ 53 ปี จนเกิดสำลักควันไฟมรณภาพอยู่ภายในกุฏิ
วันที่ 8 ก.ค.ที่ห้องประชุม สภ.โซ่พิสัย อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ พล.ต.ต.ทิวา บุญดำเนิน ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ได้ประชุมชุดคลี่คลายคดีฆ่าเผาพระทั้งเป็น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง

หลังการประชุม พล.ต.ต.ทิวา กล่าวว่า สาเหตุของการฆาตกรรมในครั้งนี้ ยังให้ความสำคัญทุกประเด็นทั้งเรื่องการขัดผลประโยชน์ภายในวัด ประเด็นชู้สาว และประเด็นให้กู้ยืมเงิน โดยได้ตั้งชุดสืบสวนรับผิดชอบออกไปคนละประเด็น หากมีใครมีส่วนเกี่ยวข้องก็จะเชิญตัวมาสอบสวนให้กระจ่าง โดยทั้ง 3 ประเด็น ยังไม่ตัดทิ้งประเด็นใดประเด็นหนึ่ง แต่น้ำหนักการสอบสวนยังให้ความสำคัญที่ประเด็นแรกคือ ขัดผลประโยชน์กันภายในวัด โดยเรียกผู้ต้องสงสัยมาสอบปากคำแล้วก็ยังให้การปฏิเสธอยู่

อุปกรณ์ทำยาสมุนไพรที่ถูกถอดออกไป
แต่จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่าก่อนหน้าเกิดเหตุ พระสมจิตรถูกคนร้ายบุกราดน้ำมันเผาจนมรณภาพคากุฎินั้น ได้เกิดการโต้เถียงขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์ที่เคยร่วมงานกันอย่างใกล้ชิด เรื่องผลประโยชน์ที่ทำสมุนไพรแจกจ่ายหรือรักษาญาติโยม กับเรื่องที่ดินของวัด 3 ไร่ซึ่งยังเป็นชื่อของลูกศิษย์คนหนึ่งที่ถือครองแทน แต่ตอนนี้ลูกศิษย์คนนั้นได้ทำตัวออกห่างไป ส่วนการโต้เถียงกันก็มีคนได้ยินว่ารุนแรงมากถึงขนาดใช้คำเป็นภาษาชาวบ้านว่า ”กู-มึง” ทำให้ลูกศิษย์คนดังกล่าวได้ถอดอุปกรณ์ทำยาสมุนไพรซึ่งเป็นส่วนของตนหนีกลับบ้านไป จึงเป็นเหตุหนึ่งที่สร้างความบาดหมางกันขึ้นระหว่างลูกศิษย์กับพระผู้ตาย

ส่วนผลการตรวจดีเอ็นเอเปรียบเทียบเนื้อเยื่อในช่องปากของผู้ต้องสงสัยซึ่งประกอบไปด้วยพระประเวท หนูน้อยหรือโสพะโณ อายุ 52 ปีเป็นพระลูกศิษย์ที่บวชใหม่ 2.นายเรืองศักดิ์ เชิดสะภู อายุ 49 ปี และ 3.นายตุ้ย สมบูรณ์ อายุ 53 ปี ที่เคยเป็นลูกศิษย์ใกล้ชัด วันนี้ผลในการตรวจดีเอ็นเอยังไม่ทราบแต่จะรู้ผลได้ภายใน 1 เดือน ขณะที่การติดตามจับกุมคนร้ายทางตำรวจก็เร่งทำอย่างรัดกุม เพราะเป็นเรื่องคดีอุกฉกรรจ์ และเป็นข่าวที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจ คาดว่าคงจะรู้ตัวคนร้ายได้ไม่นาน









