อดีต ผกก.โจ้ แถลงรับในศาลนัดตรวจหลักฐานใช้ถุงดำคลุมศีรษะมาวินหลายใบ แต่ไม่ได้รัดแน่น หรือมีเจตนาให้ตาย ขณะที่พ่อแม่ผู้เสียชีวิต ยืนยันเรียกเงินชดเชย 1.5 ล้านบาท
วันที่ 19 ม.ค. 2565 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดตรวจพยานหลักฐานคดีใช้ถุงดำคลุมศีรษะมาวินเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ได้เบิกตัวจำเลย มาศาลฯ ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.180/2564 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญาทุจริต 3 เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีต ผู้กำกับโจ้ และพวก รวม 7 คน กรณีที่ร่วมกันใช้ถุงดำคลุมศีรษะนายจิระพงษ์ หรือ มาวิน ธนะพัฒน์ ผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต
จำเลยถูกฟ้องรวม 4 ข้อหา คือ
– เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
– เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบ
– ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมาน หรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
– และร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่น โดยใช้กำลังประทุษร้าย
คดีนี้ ศาลฯ สอบคำให้การจำเลยไปเมื่อวันที่ 19 พ.ย. 2564
ครั้งนั้นพ.ต.อ.ธิติสรรค์ แถลงต่อศาลฯ รับสารภาพทั้งหมด 3 ข้อหา คือ ความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติฯ และรับสารภาพในข้อหาร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่น แต่ปฏิเสธข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทารุณโหดร้าย โดยให้เหตุผลว่า ตัวเองเองและลูกน้องไม่มีเจตนาฆ่า เเค่ต้องการขยายผลเพื่อจับกุมยาเสพติด และยืนยันไม่มีเจตนากระทำการทุจริตใดๆ ต่อหน้าที่ หรือเรียกรับผลเงินจากผู้เสียชีวิต
ส่วนจำเลยที่เหลือให้การรับและปฏิเสธข้อหาแตกต่างกันไป อ้างว่าทำไปตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ไม่มีเจตนาประสงค์ต่อชีวิต
และวันนี้นัดตรวจพยานหลักฐาน ร.อ.ต.จักรกฤษ จั่นดี และนางจันจิรา ธนะพัฒน์ พ่อแม่ของนายจิระพงศ์ เดินทางมาศาล พร้อมยอมรับว่า ยังทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ และจะขอยื่นศาลฯ เพื่อให้จำเลยชดใช้เงินจำนวน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาท) กับครอบครัว ส่วนเรื่องการดำเนินคดีในชั้นศาลทางอัยการ รับทำคดีไปตามกฎหมาย
เมื่อถึงเวลานัด ศาลสอบจำเลยทั้ง 7 คน เกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสำนวนคดีเบื้องต้น โดยย้ำว่า ข้อเท็จจริงนี้ปรากฏในสำนวนการสอบสวนไม่ใช่การชี้ว่าใครถูกหรือผิด แต่กระบวนการนั้นจะอยู่ในการไต่สวนคดีนัดถัดไป
จำเลยทั้ง 7 คน รับว่า เป็นตำรวจ เจ้าหน้าที่รัฐ มีหน้าที่จับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย โดยศาลยังถามจำเลยทั้งหมดเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า ในวันที่ 4 ส.ค. 2564 จำเลยทำหน้าที่ชุดตำรวจปราบปรามยาเสพติดและจับผู้เสียชีวิตและภรรยาพร้อมไอซ์มาควบคุมตัวที่ห้องปฏิบัติการพิเศษยาเสพติด สถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ เพื่อสอบสวนขยายผลคดียาเสพติด
โดยปรากฏหลักฐานว่าจำเลยที่ 1 นำถุงพลาสติกสีดำหลายใบมาคลุมศีรษะของผู้เสียชีวิตและมีจำเลยที่เหลืออยู่ร่วมในเหตุการณ์ ซึ่งในประเด็นนี้จำเลยที่ 1 แถลงยอมรับว่านำถุงพลาสติกหลายใบมาคลุมศีรษะจริงแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รัดแน่น หรือมีเจตนาให้เสียชีวิต
ส่วนประเด็นคลิปและภาพจากกล้องวงจรปิดเหตุการณ์ทั้งหมด
จำเลยที่ 1 แถลงต่อศาล ขอให้ศาลพิจารณาโดยอ้างว่ามีเหตุการณ์ช่วงที่พยายามช่วยชีวิตถูกตัดหายไป และมีตำรวจบางนายไม่ปรากฏในคลิปเหตุการณ์ที่อยู่ในสำนวนคดีชั้นศาล อีกทั้งมีคำให้การเท็จ ซึ่งในประเด็นนี้ ศาลรับว่าในชั้นไต่สวน สามารถนำพยานหลักฐานมายืนยันในชั้นต่อไปได้
สำหรับกระบวนการนัดตรวจพยานหลักฐาน เมื่อแล้วเสร็จขั้นตอนนี้ ศาลจะนัดวันเพื่อไต่สวนคดี ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินวันที่ 16 มี.ค. 2565










