แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิเคราะห์ปมเด็กหญิงวัย 14 ปีร่วมกับแฟนหนุ่มทำร้ายแม่ตนเองจนเสียชีวิต คาดเกิดจาก 2 สาเหตุ
จากเหตุการณ์ลูกสาวอายุ 14 ปี ร่วมกับแฟนหนุ่มอายุ 16 ปี วางแผนฆาตกรรมแม่ของตัวเองภายในห้องพัก เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา หลังก่อเหตุลูกสาวผู้เสียชีวิตสารภาพว่าลงมือเพราะขาดสติ อยู่ในภาวะจิตตก และอ้างว่าถูกแม่และพี่ชายกีดกันไม่ให้คบกันมาจึงวางแผนฆ่าแม่และพี่ชาย ขอยอมรับกรรมที่ทำ เมื่อออกจากคุกแล้วจะได้มาอยู่ร่วมกับแฟนหนุ่ม
เพื่อนบ้านต่างตั้งคำถามว่า การวางแผนร่วมก่อเหตุฆาตกรรมแม่ของตนเองอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ผู้ก่อเหตุมีภาวะบกพร่องทางจิตมาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ทีมข่าวเวิร์คพอยท์ได้สอบถามไปยัง รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ให้ข้อมูลว่า สิ่งที่จะตอบคำถามได้ชัดเจน คือ การส่งเด็กผู้กระทำความผิดไปตรวจสุขภาพทางจิตกับแพทย์เฉพาะทาง (จิตแพทย์) ถ้าสาเหตุในการก่อเหตุมาจากอาการทางจิตจริงๆ จะต้องเข้าเยียวยารักษาให้เด็กหายเป็นปกติ แต่การที่เด็กลุกขึ้นมาหยิบมีดไปจ่วงแทงแม่ได้นั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างมาก และหลังเกิดเหตุเด็กผู้กระทำความผิดทั้ง 2 รายมีอาการเซื่องซึม ไม่ได้พูดอะไรมาก ในทางการแพทย์อาจวิเคราะห์ออกมาได้ 2 กรณี คือ
1. อาจเกิดจากเด็กป่วยโรคซึมเศร้าที่เป็นอยู่แล้ว อาการเด่นชัด คือ หงุดหงิด ก้าวร้าว อารมณ์ร้อน แต่ทั้งนี้ต้องรอผลยืนยันจากแพทย์อีกครั้ง
2. อาการเซื่องซึมที่เกิดขึ้นอาจเพราะรู้สึกผิด หรือ รู้สำนึกจากการลงมือฆ่าผู้เป็นแม่

รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ ม.ศรีนครินทรวิโรฒ
รศ.นพ.วีระศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันการพูดคุยกันระหว่างคนในครอบครัวนั้นน้อยลง ทำให้เวลามีปัญหาก็จะทำให้ไม่เข้าใจกันจนเกิดเหตุรุนแรงขึ้นได้ เช่นเดียวกับเหตุการณ์ดังกล่าวที่เด็กอ้างว่าวางแผนฆ่าแม่เพราะถูกแม่กีดกันเรื่องความรัก ก็มาจากการที่เด็กรู้สึกว่าแม่ไม่ได้รับฟังหรือเข้าใจความรู้สึกของตน ดังนั้น การพูดคุยกันด้วยความเข้าใจอย่างสม่ำเสมอจะสามารถแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในครอบครัวได้
ด้านพี่ชายผู้ก่อเหตุเชื่อน้องสาวไม่ได้วางแผนคนเดียว แฟนหนุ่มต้องมีส่วนรู้เห็นด้วย ยอมรับน้องสาวติดโซเชียลจนตัวเองต้องยึดโทรศัพท์ ขณะเกิดเหตุพี่ชายนอนอยู่ในห้องได้ยินเสียงแม่ร้องจึงพยายามเปิดประตูออกมา แต่น้องสาวดันประตูไว้ จึงออกแรงผลักออกไปและวิ่งเข้าไปช่วยแม่ เพราะเห็นแฟนของน้องสาวกำลังจ้วงแทงแม่จนล้มลง ด้วยความเป็นห่วงแม่จึงเอาตัวเข้าไปขวางและถูกแทงเข้าตามใบหน้าลำคอ จึงพยายามร้องเรียกให้คนช่วย กระทั่งมีคนเข้ามาให้การช่วยเหลือ
ตอนเกิดเหตุ ตัวน้องสาวเองไม่มีทีท่าจะห้ามแฟนหนุ่มแต่กลับมาขวางตนเองที่กำลังจะไปช่วยแม่ ยอมรับว่าเสียใจ ตนเองก็พยายามถามว่า “ทำไปทำไม” แต่น้องสาวกลับ “ไม่ยอมตอบ” สำหรับสาเหตุตนเองมองว่าน่าจะเป็นเพราะน้องสาวกับแฟนไม่พอใจที่ วันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ตนเองกับแม่ได้ไปรับตัวน้องสาวกลับจากบ้านแฟนหนุ่ม ขณะนั้นแฟนหนุ่มบอกจะรับเลี้ยงดูน้องสาว ตนเองจึงต่อว่าไป ว่าอายุยังน้อยและยังเรียนอยู่ แม่ก็บอกว่าให้เลิกลาเลิกยุ่งเกี่ยว ก่อนที่จะพาน้องสาวกลับมาบ้านตนเองก็ยึดโทรศัพท์ไม่ให้น้องติดต่อกับแฟน แต่ไม่รู้ว่าน้องสาวเอาโทรศัพท์ใครไปติดต่อแฟนหนุ่มและนัดแนะกันก่อเหตุ
ส่วนตัวเชื่อว่าน้องสาวไม่ได้วางแผนก่อเหตุเพียงคนเดียวตามที่กล่าวอ้างแฟนหนุ่มน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง และที่น้องอ้างว่าเป็นโรคจิตนั้น ตนเองไม่ทราบเรื่องนี้ รู้แต่ว่าน้องสาวเป็นคนเงียบๆ ไม่ได้มีอารมณ์รุนแรงแต่อย่างใด ยอมรับว่า รักน้องสาวมาก ตนเองออกจากโรงเรียนตั้งแต่ป.3 มาช่วยแม่ทำงาน หาเลี้ยงน้อง ช่วยแม่หาเงินส่งน้องสาวเรียนใช้ชีวิตด้วยกัน 3 คนมาตลอด แม่ก็รักน้องสาวมากเช่นกัน ซึ่งที่ผ่านมาถึงน้องสาวจะมีปากเสียงกับแม่ แม่ก็ไม่เคยถึงขั้นดุด่ารุนแรงแต่จะเป็นลักษณะแม่สอนลูกเพราะห่วงน้องสาวเรื่องเรียน
สำหรับเรื่องคดี หากน้องสาวจะถูกดำเนินคดีนั้นก็ให้เป็นตามขั้นตอนทางกฎหมาย หลังจากนี้ตนเองก็คงจะกลับไปอยู่ห้องนั้นอีก เพราะอยู่กับแม่กับน้องมาตลอด และเมื่อน้องพ้นโทษออกมาจะกลับมาอยู่กับตนเองได้ไหมนั้นตนเองตอบไม่ได้ เพราะตอนนี้ตนเองก็สับสนกับเรื่องที่มันเกิดขึ้น ส่วนศพของแม่ก็จะรับไปบำเพ็ญกุศลที่อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่










