One’s Essentials กับการคิดมุมกลับ ข้ามข้อจำกัดของเวลา สู่แฟชั่นไอเทมไม่ธรรมดาจากผ้าขาวม้าไทย

One’s Essentials กับการคิดมุมกลับ ข้ามข้อจำกัดของเวลา สู่แฟชั่นไอเทมไม่ธรรมดาจากผ้าขาวม้าไทย

แฟชั่น

เชื่อว่าความคิดของคนรุ่นใหม่ไม่น้อยที่อาจมองว่า “ผ้าไทย” คือสิ่งที่ห่างไกลจากการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ คุณไอซ์ ศรันรัตน์ พรรจิรเจริญ และคุณชารีฟ ลอนา เจ้าของแบรนด์ One’s Essentials ผู้ทำให้ผ้าไทยเป็นแฟชั่นไอเทมสุดอินเทรนด์ กลับมองว่าผ้าไทยควรเข้ามาแทรกซึมในชีวิตคนรุ่นใหม่ กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่าย ใช้สนุก และจำเป็นกับทุกวัน เพื่อส่งต่อคุณค่าของผ้าไทยแบบไร้กาลเวลา

จุดเริ่มต้นของแนวคิด ‘ไร้กาลเวลา’

คุณศรันรัตน์และคุณชารีฟเล่าให้เราฟังว่า ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่มีแบ็คกราวด์การทำงานที่ค่อนข้างต่างกัน แต่มีความสนใจในโลกของศิลปะใกล้เคียงกัน จึงอยากเริ่มจับธุรกิจบางอย่างและสร้างแบรนด์ให้ยั่งยืนได้ โดยเริ่มจากการตั้งคำถามแบบ Based on User ซึ่ง User คือพวกเขาเอง ว่าถ้าเกิดเป็นคนซื้อเสื้อผ้าจะชอบเสื้อผ้าแบบไหน แล้วนำสิ่งนั้นมาเป็น Attitude ของแบรนด์

“เรามองงานออกแบบเป็นงานที่ยั่งยืน ไม่ใช่งานฉาบฉวย ซึ่งในกระแสโลกยุคปัจจุบันการออกแบบแบบตามฤดูกาล (Seasonal) กำลังเริ่มหายไป ความต้องการของตลาดเริ่มเปลี่ยนไป ผู้บริโภคไม่สามารถทำตัวขึ้นอยู่กับเทรนด์ได้ตลอด เพราะเขามองว่าโควิด-19 เหมือนสงครามโลกที่ทำให้เกิดยุคข้าวยากหมากแพง หลายคนจะเริ่มกลับไปมองหาสิ่งที่ทรงคุณค่ามากกว่า Fast Fashion เราเลยมองว่าการออกแบบเสื้อผ้าให้เป็นสิ่งที่ไร้กาลเวลา (Timeless) มีฟังก์ชันตอบโจทย์ว่าสามารถใช้ได้ทุกวัน ทุกโอกาส และมีคุณภาพยั่งยืนอยู่กับตู้เสื้อผ้าได้เป็นสิ่งสำคัญ จึงอยากทำเสื้อผ้าให้คนรู้สึกว่าไม่ได้อยากใส่แล้วจบไปในครั้งเดียว แต่สามารถนำไปมิกซ์แอนด์แมทซ์กับอย่างอื่นได้อีก เพราะเราอยากให้คุณค่ากับผ้าจริง ๆ ทั้งในแง่ของการใช้งานและการออกแบบชิ้นงาน”

มองคุณค่าของดีไซน์เพื่อความยั่งยืน

“หลายคนใช้อุตสาหกรรมแฟชั่นเพื่อเป้าหมายอะไรบางอย่าง แต่เรารู้สึกว่าเราผ่านมาถึงจุดอิ่มตัวของการทำงานแล้ว เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่งเลยรู้สึกว่าอยากจะใช้อุตสาหกรรมนี้เพื่อสร้างผลประโยชน์ให้กับแฟชั่นมากกว่า ที่ผ่านมาทุกคนวิ่งเร็วมากเพื่อให้อุตสาหกรรมไปต่อได้เรื่อย ๆ แต่เรารู้สึกว่าเราอยากจะชะลอลงเพื่อชาเลนจ์ตัวเอง” 

คุณชารีฟกล่าวก่อนที่จะอธิบายว่าในโลกธุรกิจทุกคนมีการตั้งเป้าหมายอยู่แล้ว ทุกคนจะเซ็ตไว้แล้วว่าอยากจะวิ่งไปถึงเส้นชัยอย่างไร ถ้าวิ่งเร็วก็สำเร็จเร็ว แต่สำหรับพวกเขาที่มาเริ่มสร้างแบรนด์ในช่วง Half Life จึงรู้สึกว่าวิ่งมาค่อนข้างเยอะแล้ว จนการทำงานแยกออกจากชีวิตประจำวันไม่ได้ และคิดว่า ‘Good Things Take Time’ ต้องให้เวลากับสิ่งที่ทำสักหน่อย เพื่อจะได้เจอคำตอบที่ดีที่สุด 

ด้านคุณศรันรัตน์เล่าเสริมว่า การที่เหยียบคันเร่งเร็วมากโดยที่มองเป้าหมายเป็นแค่เงินตราอย่างเดียว สิ่งนั้นมันจะไม่ได้พาสิ่งที่เราอยากทำจริง ๆ ไปด้วย แต่ถ้าได้ทำในสิ่งที่อยากทำแล้วมันทรงคุณค่า เงินทองจะเป็นผลพลอยได้ที่จะตามมาและทำให้เราอยู่ได้ ซึ่งถ้าทั้งแพสชั่นและรายได้เดินหน้าควบคู่กันไปก็จะทำให้ยั่งยืนทั้งตัวนักออกแบบและผู้ที่ได้งานไป

คิดมุมกลับมาหยิบจับผ้าไทย

หลังจากตั้งเป้าหมายว่าจะเดินหน้าแบรนด์ด้วยความยั่งยืนและสร้างที่มีคุณค่าแล้ว One’s Essentials ก็ได้เลือกใช้ผ้าไทยเป็นวัสดุหลักในการทำงาน ด้วยความคิดที่ว่าผ้าไทยมีคุณค่าในตัวเองอยู่แล้ว แต่การจะทำให้เป็นสิ่งที่ใช้สนุกได้ในทุกวัน ต้องปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ให้จับต้องได้และสามารถแทรกซึมในชีวิตประจำวันของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้ใช้สนุกจริง ๆ เพราะถ้าผ้าไทยยังมีภาพลักษณ์เป็นสิ่งที่อยู่สูงจนคนเอื้อมไม่ถึง เชื่อว่ากลุ่มลูกค้าก็ยังคงเป็นคนที่อายุ 35 ปีขึ้นไปเช่นเดิม

“เวลาคุยกับเด็กเราต้องคุยอีกภาษาหนึ่ง ในเรื่องงานหัตถศิลป์ก็เหมือนกัน อยากให้คนที่พยายามขับเคลื่อนผ้าไทยเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าและอยู่สูงลองมองมุมกลับ คือทำให้มันเป็นสิ่งทรงคุณค่าเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนให้คนสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น เพื่อทำให้ความทรงคุณค่าของผ้ายังอยู่ได้อย่างยั่งยืนและยาวนานมากกว่าการเป็นสินค้าที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์ หรือเป็นสินค้าที่อยู่กับกลุ่มคนใดกลุ่มคนหนึ่ง” คุณศรันรัตน์กล่าว

รวมถึงศิลปวัฒนธรรมควรเป็นการแสดงออกในเชิงที่จับต้องได้ เพราะกว่าจะมาเป็นแบบวันนี้ก็เกิดมาจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่ปากกัดตีนถีบมาก่อน แค่เพียงในอดีตเรายังทำความเข้าใจเรื่องนี้ได้ไม่มากพอหรืออาจจะมองเห็นความสวยงามเพียงอย่างเดียว จนมันถูกอัปเกรดให้รู้สึกว่าจับต้องยากและทำให้ก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ได้ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่เราจะให้ความสำคัญกับแก่นแท้ของผ้าไทยและพัฒนาให้ดีขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เด็กยุคนี้เขาคาดหวังจะเห็นในงานดีไซน์

แรงบันดาลใจจากเทรนด์บุ๊ก สู่ THAitems ผ้าขาวม้า   

คุณศรันรัตน์เล่าต่อว่าตนอยู่กับผ้าไทยมาค่อนข้างยาวนาน โดยเฉพาะผ้าขาวม้า เพราะเกือบสิบปีก่อนเคยได้รับรางวัลชนะเลิศในรายการเรียลลิตี้ทอฟ้าผ้าไทย ซีซั่น 1 และผ้าขาวม้าเป็นหนึ่งในโจทย์ที่ชนะ พอได้ใช้ THAI TEXTILES TREND BOOK SPRING/SUMMER 2022 เลยได้แรงบันดาลใจเป็นผ้าขาวม้าสีแดงขาว จ.ราชบุรี 

ส่วนแนวคิดในการดีไซน์ ทาง One’s Essentials ตีความว่าผ้าขาวม้าไทยเป็นหนึ่งในวัตถุที่จับต้องได้ทางวัฒนธรรม แล้วนำผสมผสานกับความเป็นแบรนด์ คือไม่ได้คิดว่าจะต้องทำอย่างไรให้สวยที่สุด แต่ต้องทำให้มันสะท้อนความไร้กาลเวลา ตอบโจทย์ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานได้มากที่สุด และไม่ถูกมองว่าอยู่สูงเกินไป 

“ผ้าขาวม้าเป็นสิ่งใกล้ตัวที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันว่าคนใช้เป็นผ้าผูกเอว ใช้ตอนอาบน้ำ ไกวเปล หรือแม้แต่เลี้ยงสัตว์ ถ้ามันโดนเอามาทำให้ดูหรูหราก็คงไม่ใช่ เราเลยต้องทำยังไงก็ได้ให้มันยังอยู่ในชีวิตประจำวันของคนอีกเจเนอเรชั่นหนึ่งต่อไป โดยใช้ความร่วมสมัยมาเล่าสิ่งที่มีอยู่ในอดีตผ่านการสวมใส่เข้าไปบนฟังก์ชันปัจจุบัน เช่นเอามาพลิกแพลงทำเสื้อผ้าและกระเป๋า เพื่อให้กลืนไปกับวัฒนธรรมปัจจุบันและใช้สนุก เพราะคำว่าสนุกแปลว่าต้องมีอยู่ในทุก ๆ วัน”

การยกระดับผ้าไทยในแบบของ One’s Essentials

สำหรับแนวคิดเกี่ยวกับการยกระดับผ้าไทย คุณชารีฟให้ความเห็นว่าเป็นความรับผิดชอบของคนเรียนออกแบบ ถ้าอยากลงไปช่วยชาวบ้านพัฒนางานหัตถกรรมจริง ๆ ควรเอาความคิดสร้างสรรค์ไปสอนเขาว่าต้องทำอย่างไรเพื่อพัฒนาไปในเชิงพาณิชย์หรือทำให้เป็นสิ่งที่คนทั่วโลกจับต้องได้ เพราะชาวบ้านทำงานด้วยความเคยชินและทำตามต้นทุนที่มีมาโดยตลอด

 “ต่างประเทศเขาโตมาแบบมีศิลปะอยู่ในสายเลือด ส่งต่อยุคสู่ยุค แต่เมื่อเทียบกับบ้านเรา อาจจะไม่ได้ซาบซึ้งถึงคุณค่าของงานศิลปะขนาดนั้น ทำให้ในยุคที่โลกเปลี่ยนไปรวดเร็ว หลายคนก็พยายามวิ่งตามให้ทันเหมือนกระโดดข้ามไป จนไม่มีจุดเปลี่ยนถ่ายที่ดี ดังนั้นผมคิดว่านี่เป็นหน้าที่ของคนในแวดวงดีไซเนอร์ที่จะต้อง rethink เพื่อจัดการเรื่องการยกระดับให้เกิดผลดี”

ในขณะเดียวกันก็ควรให้ความสำคัญกับความคิดของคนรุ่นใหม่ด้วย โดยคุณศรันรัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในฐานะที่เป็นอาจารย์สอนในระดับมหาวิทยาลัย ตนมองเห็นว่าสิ่งสำคัญสำหรับยุคนี้คือการที่ผู้ใหญ่ยอมฟังเด็ก และเป็นผู้ฟังที่ดี เปิดใจยอมฟังนาน ๆ แล้วนำมาปรับใช้ เพราะว่าโลกเปลี่ยน ต้นทุนของเจเนอเรชั่นก็เปลี่ยน

“สมัยก่อนเราต้องเข้าห้องสมุดเพื่อหาความรู้กันอย่างเดียว แต่ปัจจุบันเด็กทำงานง่ายแค่ปลายนิ้ว ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือการบูรณาการการเรียนการสอนในยุคใหม่ที่เด็กอาจจะเก่งกว่าเราในเรื่องดีไซน์ เข้ากับความเชี่ยวชาญในกระบวนการทำงานของคนรุ่นก่อน เอาสิ่งที่ดีของทั้งสองรุ่นมาผสมกันแล้วทำให้กลายเป็นสิ่งที่ดีและมีคุณภาพมากขึ้น”

จากมุมมองทั้งหมดนี้ กล่าวได้ว่า One’s Essentials เป็นหนึ่งในความหวังของอุตสาหกรรมผ้าไทยในโลกยุคใหม่ เพราะเป็นผู้สร้างสรรค์ผ้าไทยให้เป็นแฟชั่นไอเทมที่ทำงานด้วยความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของโลก และไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง ซึ่งหลังจากนี้เราเชื่อว่าแนวความคิดของพวกเขาจะขยายไปสู่คนหมู่มาก และทำให้ผ้าไทยเริ่มปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์จนสามารถเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนได้ในที่สุด

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง