มูลนิธิเส้นด้าย ร่วมนักธุรกิจจิตอาสา ลงพื้นที่ดูแลผลกระทบโควิด จี้รัฐต้องเร่งทุกมาตราการช่วยประชาชน หลังพบความล่าช้าหลังผู้ป่วยเริ่มเพิ่มจำนวน
วันที่ 7 ก.พ. 2565 นายภูวกร ศรีเนียน รองประธานกรรมการ มูลนิธิเส้นด้าย อาสาภาคประชาชน ที่มีบทบาทสูง ในการช่วยเหลือประชาชน ช่วงโควิดระบาดรุนแรงตั้งแต่กลางปี 64 ที่ผ่านมา ได้ร่วมลงพื้นที่กับ ดร.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ ประธานสภาวัฒนธรรมเขตบางคอแหลม และนักธุรกิจจิตอาสา ที่ทำงานช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอดช่วงโควิด เช่นกัน ได้ร่วมลงพื้นที่ เขตบางคอแหลม ยานนาวา เพื่อประสานงานดูแลผู้ติดเชื้อโควิด และ นำนมสดพร้อมดื่มมอบให้เด็กตามชุมชน
นายภูวกร กล่าวว่า ขณะนี้มูลนิธิเส้นด้าย ได้ขยายเครือข่าย และร่วมงานกับหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมุ่งเน้นกลุ่มหรือ บุคคลที่มีแนวทางคล้ายกันในการช่วยแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด รวมถึงประเด็นอื่นๆ ที่ตามมา แม้เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิคอน จะไม่รุนแรงเท่าเดลต้า แต่การแพร่เชื้อที่เพิ่มจำนวนสูงขึ้นอีกครั้ง ยังส่งผลกระทบด้านต่างๆ ในวงกว้างอยู่
ด้าน ดร.เพ็ญพิสุทธิ์ กล่าวว่า สถานการณ์โควิดที่กลับมาระบาดใหญ่ในพื้นที่เขตบางคอแหลม และกรุงเทพ ปริมณฑลทุกเขต ตั้งแต่ต้นเดือนม.ค. 65 พบว่ายอดจำนวนผู้ป่วยสูงขึ้น โดยส่วนใหญ่เป็นสายพันธ์โอมิคอน ที่แพร่เชื้ออย่างรวดเร็ว ช่วงแรกการประสานงานส่งต่อผู้ป่วยให้โรงพยาบาลต่างๆ รับตัวไปรักษา ไม่ว่าจะเป็นเคสสีเหลืองซึ่งเป็นผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือเคสสีเขียวที่ส่งไปรักษาที่ฮอลพิเทลนั้น เป็นไปด้วยความรวดเร็ว โดยเมื่อทีมงานออกไปตรวจATK ให้ประชาชนที่มีความเสี่ยงตามบ้าน ซึ่งส่วนมากจะติดต่อมาทางเพจ หรือโทรศัพท์ ถ้าตรวจแล้วพบเชื้อ จะตรวจคนทั้งบ้านด้วย แล้วจากนั้นจึงประสานงานไปยังโรงพยาบาลเอกชนส่งผลตรวจ ATK ให้ ซึ่งจะนำรถมารับตัวภายในเวลาไม่เกินหนึ่งวัน หลังจากรับผู้ป่วยออกจากบ้านไปแล้ว ทีมงานก็จะมาพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไวรัสให้ภายในบริเวณบ้านและมอบถุงยังชีพให้ผู้กักตัว
ดร.เพ็ญพิสุทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้การประสานงานกับโรงพยาบาลต่างๆ เริ่มมีข้อติดขัด โรงพยาบาลบางแห่งรับเฉพาะผู้ป่วยที่มีผลตรวจ RT-PCR เท่านั้น บางแห่งแจ้งว่าไม่รับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวร้ายแรง บางแห่งตั้งกฏเกณฑ์ใหม่ๆในการรับผู้ป่วยเช่น สอบถามมีประกันสุขภาพ มีประกันโควิด ทำให้ประชาชนมีความสับสนกับกฏเกณฑ์ และการรอคอยเข้าสู่ระบบการรักษาที่นานขึ้น ในขณะที่ปัจจุบันมีผู้ป่วยติดต่อขอความช่วยเหลือเข้ามาต่อเนื่องมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งการประสานงานกับหน่วยงานหรือโรงพยาบาลของรัฐค่อนข้างมีความล่าช้า
“อยากเรียกร้องให้ทางรัฐบาลผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขและกรุงเทพมหานคร เร่งแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ทั้งในการตรวจ ATK ตามศูนย์บริการสาธารณสุขทุกแห่ง โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และถ้าพบผลออกมาเป็นบวก ให้ส่งต่อไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจRT-PCR หรือจะรับตัวเข้ารักษาตามระบบทันที โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อให้ประชาชนเข้าสู่ระบบสาธารณะสุขที่รวดเร็วขึ้น เพื่อลดการแพร่เชื้อในพื้นที่อยู่อาศัย” ดร.เพ็ญพิสุทธิ์ กล่าว
ดร.เพ็ญพิสุทธิ์ ย้ำว่า รัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นเรื่องเร่งด่วน เช่น เร่งการตรึงราคาสินค้า และแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของคนไทย เพื่อไม่ให้ประชาชนต้องเดือดร้อน หรือกู้หนี้ยืมสินในการใช้จ่ายเรื่องอุปโภค บริโภค และ เร่งแก้ปัญหาการว่างงานของคนไทย ซึ่งปัจจุบันนี้มีจำนวนคนตกงานเยอะขึ้น และ สูงที่สุดในรอบ 20 ปี ปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจตอนนี้คือเรื่องใหญ่ที่รัฐต้องให้ความสำคัญมาเป็นเรื่องแรก ไม่เช้นนั้นปัญหาเศรษฐกิจจะทวีความรุนแรงมากขึ้นในปีนี้ ประชาชนจะยิ่งเดือดร้อน บวกกับความตึงเครียดของโรคโควิดหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ดังนั้นรัฐสวัสดิการเรื่องสาธารณะสุขต้องรีบแก้ไข ควบคู่กับความวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ต้องให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน
