จากกรณีที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด ประกาศคลายล็อกให้โรงเรียนขนาดเล็กเปิดได้ตั้งแต่ 15 มิ.ย. และโรงเรียนทั้งหมดจะเปิดเทอมวันที่ 1 ก.ค.

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เปิดเผยแนวทางหลังการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานครั้งที่ 6/2563 ว่า มีการประเมินว่าโอกาสนักเรียนจะติดเชื้อโควิดมีเพียงแค่ 0.2% แต่ที่น่าห่วงกว่าคือ การที่นักเรียนติดแล้วจะนำเชื้อไปสู่ผู้ปกครองและชุมชน ดังนั้น จึงมีข้อเสนอแนะว่าหากเปิดสถานศึกษาแล้ว โรงเรียนใดพบนักเรียนที่ป่วยควรจะส่งต่อโรงพยาบาลเลย และหากมีกรณีที่นักเรียนที่สงสัยว่าจะติดเชื้อโควิด สามารถจะเข้ารับการตรวจรักษาฟรีเมื่อไปสถานพยาบาลของรัฐ ผู้ปกครองไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย

ส่วนเรื่องของเด็กเล็กที่ต้องนอนกลางวันที่โรงเรียน ถ้าผู้ปกครองสามารถรับเด็กกลับไปนอนที่บ้านได้ จะเป็นวิธีที่ดี เป็นการผสมผสานทำให้จำนวนนักเรียนที่นอนที่โรงเรียนน้อยลง อย่างไรก็ตาม ถ้าครอบครัวใดอยากอยากให้โรงเรียนดูแลก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าสะดวกก็สามารถรับกลับได้
กรณีโรงเรียนบางพื้นที่ที่เด็กต้องพักนอนที่โรงเรียน เช่น โรงเรียนในพื้นที่สูงหรือเกาะ ที่ประชุมกังวลเรื่องหอพักนอนที่นอนรวมจำนวนมาก กรมควบคุมโรคติดต่อได้เสนอให้ เปิดโกาสให้เด็กบางส่วนได้นอนในห้องเรียนแทนโรงพักนอนที่แออัด ทำให้แทนที่จะมี 20 คนอาจจะเหลือ 10 คน เช่น กรณีมีเตียง 2 ชั้น ให้นอนคนเดียว
กรณีโรงเรียนบางพื้นที่ที่เด็กต้องพักนอนที่โรงเรียน เช่น โรงเรียนในพื้นที่สูงหรือเกาะ ที่ประชุมกังวลเรื่องหอพักนอนที่นอนรวมจำนวนมาก กรมควบคุมโรคติดต่อได้เสนอให้ เปิดโกาสให้เด็กบางส่วนได้นอนในห้องเรียนแทนโรงพักนอนที่แออัด ทำให้แทนที่จะมี 20 คนอาจจะเหลือ 10 คน เช่น กรณีมีเตียง 2 ชั้น ให้นอนคนเดียว

นายเอกชัย กล่าวด้วยว่า แนวโน้มโรงเรียนขนาดเล็กที่ไม่แออัดสามารถจะเปิดได้ก่อน แต่ 1 ก.ค. จะเป็นการเปิดเรียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งเรายังกังวลอยู่บ้างในกรณีโรงเรียนขนาดใหญ่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานไว้แล้ว คือ มีการเหลื่อมเวลาเรียน และสลับวันเรียน โดยต้องจัดการเรียนให้ครบตามหลักสูตร
ทั้งนี้ ยังมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับการเรียนของเด็ก โดยครูพร้อมที่จะพัฒนาเปลี่ยนวิธีสอนโดยดูศักยภาพเด็ก บางคนที่สามารถติดต่อทางออนไลน์ได้ อาจจะใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ครูต้องทำงานมากขึ้น ถ้าปรับตัวสักพักน่าจะไปได้ ซึ่งเชื่อว่าครูทุกคนยินดีช่วยเด็กอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ยังมั่นใจว่าจะไม่กระทบกับการเรียนของเด็ก โดยครูพร้อมที่จะพัฒนาเปลี่ยนวิธีสอนโดยดูศักยภาพเด็ก บางคนที่สามารถติดต่อทางออนไลน์ได้ อาจจะใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ แต่ครูต้องทำงานมากขึ้น ถ้าปรับตัวสักพักน่าจะไปได้ ซึ่งเชื่อว่าครูทุกคนยินดีช่วยเด็กอยู่แล้ว









