
วันที่ 20 ธ.ค. ช่วงสาย พนักงานสอบสวน สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น ได้นำตัวนายสมคิด พุ่มพวง ผู้ต้องหาฆ่านางรัศมี มุลิจันทร์ ออกจากห้องควบคุมเพื่อมาสอบปากคำเพิ่มเติมประมาณ 30 นาที โดยนำภาพที่ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเมื่อวานนี้มาให้นายสมคิดชี้ยืนยันตามภาพอีกครั้ง ก่อนนำไปขึ้นรถเพื่อไปฝากขังผัดแรกที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ช่วงที่นายสมคิด เดินออกมาจากห้องขังมีหน้าตายิ้มแย้ม แต่พูดกับผู้สื่อข่าวสั้นๆ ว่า เครียด และขอพูดภายหลัง
ภายหลังศาลพิจารณาแล้วให้ฝากขังผัดแรก 12 วัน โดยไม่ให้ประกันตัว ทำให้นายสมคิด ถูกคุมตัวไปที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษขอนแก่น

สำหรับข้อหาที่พนักงานสอบสวนแจ้งไว้ คือ 3 ข้อหา คือ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย ปิดบังซ่อนเร้น อำพรางศพ ลักทรัพย์ หรือรับของโจร นายสมคิดปฏิเสธข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยไตร่ตรองไว้ก่อน อ้างเพียงว่าเป็นการบันดาลโทสะเท่านั้น
พ.ต.อ.ขจรฤทธิ์ วงษ์ราช ผกก.สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น เผยว่า เมื่อวานนี้ หลังจากที่นำตัวนายสมคิด พุ่มพวง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในเส้นทางการหลบหนีหลังจากก่อคดีสังหารนางรัศมี เจ้าหน้าที่นำตัวนายสมคิด กลับมาที่ สภ.กระนวน ในเวลา 21.00 น. ช่วงที่นำตัวเข้าห้องควบคุม ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปอยู่ในห้องควบคุมด้วย เพราะเกรงว่านายสมคิดจะคิดสั้น

ต่อมามีรายงานว่า พล.ต.ท. เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 เรียกประชุม พนักงานสอบสวน และตั้งคณะกรรมการสอบสวนระดับภาค เพื่อร่วมทำสำนวนคดี นายสมคิด พุ่มพวง ร่วมกับพนักงานสอบสวน สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น เพื่อให้คดีมีความรัดกุมที่สุด
คาดว่าจะสรุปสำนวนส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้องภายในเดือนมกราคม 2563 เพราะต้องรอหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ทั้ง ดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือแฝง เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับหลักฐาน ที่เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 4 เก็บจากจุดเกิดเหตุก่อนหน้านี้

แหล่งข่าวให้ข้อมูลว่า ตำรวจไม่ได้กังวลใจใดๆ กับการทำคดีนี้ และเชื่อว่ามีพยานหลักฐานเพียงพอ เพราะมีหลักฐานที่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะ เทปกาว สายไฟ ที่รัดคอผู้เสียชีวิต รวมทั้งพฤติกรรมการก่อเหตุที่เชื่อได้ว่ามีการวางแผนล่วงหน้า นอกจากนี้ประวัติอาชญากรรมของนายสมคิด ยังมีในฐานข้อมูลผู้ต้องขังกระทำผิดซ้ำของกรมราชทัณฑ์ เพราะเพิ่งพ้นโทษเพียง 6 เดือน และยังอยู่ในระยะการติดตามพฤติกรรมไม่เกิน 3 ปี









