สลดสองวัยรุ่นซิ่งจักรยานยนต์หนีตาย หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นไทใหญ่ควงมีดดาบขี่จักรยานยนต์ไล่ฟัน ก่อนเสียหลักแฉลบล้มดับคู่กลางถนน ล่าสุด ภาพจากวงจรปิดจับภาพชัดขับตีคู่กันมาเหมือนคนรู้จัก ก่อนหักหลบรถคันหน้าล้มเองกระแทกพื้น ไม่มีคนเข้ารุมหรือใช้มีดฟันซ้ำ ด้านตำรวจเผยรอตรวจสอบหลักฐานให้ชัดเจนอีกครั้งเพื่อหาสาเหุตของการเกิดอุบัติเหตุต่อไป
กรณีภาพจากกล้อง CCTV ของเทศบาลนครเชียงใหม่ สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์ไล่กวดกัน 3 คัน บริเวณคูเมืองด้านนอก บนถนนมณีนพรัตน์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยหลังจากคันแรกขี่ผ่านไป มีรถจักรยานยนต์อีก 2 คันที่ขี่ไล่ตามกันมา ก่อนที่รถจักรยานยนต์สีเหลือง จะเสียหลักแฉลบล้มลงกลางถนน ส่งผลให้นายปิยังกูร อายุ 16 ปี ชาวอุตรดิตถ์ เสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ส่วนนายธีรพงษ์ อายุ 16 ปี อาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยปั๊มหัวใจและน้ำส่งโรงพยาบาลมหาราชครเชียงใหม่ ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 18 มิ.ย. 2562
วันที่ 18 มิ.ย. 2562 ชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิดหาเบาะแสเพิ่มเติม ขณะที่ พ.ต.ท.สุศรันย์ ศรีบุญเจริญชัย พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้เรียกสอบปากคำ 2 วัยรุ่นที่เป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิต 2 รายที่อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มเติม โดยใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 2 ชั่วโมง
พ.ต.ท.สุศรันย์ ศรีบุญเจริญชัย พนักงานสอบสวน กล่าวว่า ขณะนี้ได้เรียกสอบปากคำพยานไปแล้ว 2 ปาก ซึ่งเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิต คดีถือว่ามีความคืบหน้าไปมากเจ้าหน้าที่ทราบเบาะแสของคนร้ายที่ก่อเหตุว่าเป็นกลุ่มไหน แต่ยังไม่ฟันธงว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มวัยรุ่นชาวไทยใหญ่หรือไม่ เจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนเพื่อความแน่ใจก่อน
ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตจากการสอบปากคำพยาน ทราบว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุได้ตะโกนเสียงดังทำให้กลุ่มวัยรุ่นผู้เสียชีวิตไม่พอใจ จนมีการตะโกนตอบโต้กันไปมา รวมทั้งเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์จนเสียงดัง แต่เมื่อฝ่ายผู้เสียชีวิตจะเดินไปหา ฝ่ายคนร้ายไม่ได้ตอบโต้และต่างฝ่ายก็แยกย้ายกันไป
ต่อมาฝ่ายผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากบริเวณประตูท่าแพ ฝ่ายคนร้ายได้ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตาม เพื่อจะใช้มีดที่ถือมาทำร้าย จนฝ่ายผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์แฉลบล้ม แต่จากการตรวจสอบบาดแผลของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ไม่พบบาดแผลจากการถูกฟันแต่อย่างใด
ล่าสุดจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดหลายจุดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงและโดยรอบ เบื้องต้นพบว่าช่วงก่อนเกิดเหตุเห็นรถจักรยานยนต์ 2 คัน ขับขี่ตีคู่กันมา จากทางด้านหน้าวัดโลกโมฬี มาตามทาง จนกระทั่งถึงจุดเกิดเหตุมีรถจักรยานยนต์ขี่อยู่ด้านหน้า ทำให้จักรยานยนต์ทั้ง 2 คันที่ขับตีคู่กันมา หักหลบจนล้มกระแทกพื้น ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดมุมหนึ่งเห็นชัดเจนว่ารถจักรยานยนต์คันของผู้ตายล้มลงไถลไปกับพื้นถนน ส่วนร่างของหนึ่งในผู้ตายกระแทกพื้นอย่างแรง โดยไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดเข้ามารุมทำร้ายหรือใช้มีดฟันแต่อย่างใด
ด้านเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน เปิดเผยว่า เบื้องต้นยังต้องตรวจสอบหลักฐานอย่างชัดเจนเสียก่อนจึงจะสรุปได้ว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุนั้นเป็นเช่นไร และมีการขับขี่รถจักรยานยนต์พร้อมใช้มีดดาบไล่ฟันกันจริงหรือไม่ รวมทั้งคู่กรณีเป็นวัยรุ่นไทยใหญ่จริงหรือไม่ ขณะเดียวกันมีพยานหลักฐานว่ากลุ่มของผู้เสียชีวิตนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์และนัดรวมกลุ่มกันรวมประมาณ 50 คัน อยู่ที่ลานประตูท่าแพตั้งแต่ช่วงกลางดึก จนกระทั่งมาเกิดเหตุในช่วงเช้ามืด ซึ่งจะมีการสอบปากคำเพื่อนร่วมกลุ่มของผู้ตายอย่างละเอียดอีกครั้ง
ส่วนหนึ่งในวัยรุ่นอายุ 16 ปี ที่เป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตและอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองได้ไปหากลุ่มเพื่อนที่ประตูท่าแพ จากนั้นกำลังจะแยกย้ายกันกลับบ้าน ระหว่างนั้นสังเกตเห็นวัยรุ่น 3 คนอีกฝ่ายได้ตะโกนเสียงดังขึ้นมา เพื่อนในกลุ่มที่เป็นผู้เสียชีวิตเกิดความไม่พอใจจึงบิดรถจักรยานยนต์เสียงดังใส่ จากนั้นทั้ง 2 ฝ่ายได้ตะโกนด่าท้าทายกันไปมา ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ
แต่ขณะกำลังขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนนฝั่งคูเมืองด้านในจากแจ่งศรีภูมิ สังเกตเห็นมีรถจักรยานยนต์เปิดไฟสูงขี่ไล่ตามมาด้วยความเร็ว เมื่อหันไปก็พบว่าเป็นคู่กรณีที่มีเรื่องกันบริเวณประตูท่าแพ โดยคนซ้อนท้ายถือมีดดาบยาวด้วย ตนเองและเพื่อนที่เสียชีวิต 2 คน จึงรีบขี่รถจักรยานยนต์หนีโดยได้กลับรถหน้าวัดโลกโมฬี เพื่อเข้าสู่ถนนมณีนพรัตน์ กระทั่งขี่ใกล้ถึงหน้าวัดป่าเป้า เพื่อนที่ขี่รถตามหลังมารถเกิดเสียหลักแฉลบล้ม ตนพยายามจะกลับรถไปช่วยเพื่อน แต่วัยรุ่นที่ไล่ทำร้ายก็ขี่รถตามมาจึงต้องรีบขี่หนี จึงรีบขี่รถไปตามเพื่อนๆมาช่วย แต่เมื่อกลับมาถึงที่เกิดเหตุก็พบว่าเพื่อนเสียชีวิตแล้ว ทั้งนี้มั่นใจว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุน่าจะเป็นชาวต่างด้าว เพราะสังเกตลักษณะการแต่งกายและผมที่ย้อมสีทอง ซึ่งวัยรุ่นชาวไทใหญ่ที่มัวสุมบริเวณท่าแพมักจะย้อมผมสีทอง
