หลักนิติธรรมไทย ไทยรั้งอันดับ 77 โลก “แต่ต้องเร่งแก้ “คอร์รัปชัน-การบังคับใช้กฎหมาย”

หลักนิติธรรมไทย ไทยรั้งอันดับ 77 โลก “แต่ต้องเร่งแก้ “คอร์รัปชัน-การบังคับใช้กฎหมาย”

ข่าวประชาสัมพันธ์

สถานการณ์หลักนิติธรรมไทย ไทยรั้งอันดับ 77 โลก จุดแข็งคือ “ความมั่นคง” แต่ต้องเร่งแก้ “คอร์รัปชัน-การบังคับใช้กฎหมาย” หากต้องการบรรลุเป้าหมายเข้า OECD

 

วันนี้ 17 ธ.ค.2568 ในงาน Thailand’s Rule of Law Landscape: Transforming Insights into Impact เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568 ที่อาคารสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย  (TIJ) ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ ทาง TIJ ได้ร่วมกับ WJP เปิดตัวรายงาน “สถานการณ์หลักนิติธรรมในประเทศไทย” (The Rule of Law in Thailand: Key Findings from the General Population Poll 2025) รายงานเชิงลึก หรือ Country Report ของประเทศไทย

ดร.ศรีรักษ์ ผลิพัฒน์ ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก World Justice Project กล่าวว่า รายงานคะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรมโลกในภาพรวมนั้นเป็นผลรวมที่ได้มาจากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ (Qualified Respondents’ Questionnaires – QRQs) และผลการสำรวจความคิดเห็นและประสบการณ์ของประชาชนทั่วไป (General Population Poll: GPP)

 

ขณะที่ รายงานสถานการณ์หลักนิติธรรมในประเทศไทย เป็นรายงานฉบับพิเศษที่มุ่งนำเสนอผลการประเมินหลักนิติธรรมในประเทศไทย 2 ส่วนหลัก คือ 1. คะแนนภาพรวมของประเทศไทยใน WJP Rule of Law Index 2025 และ 2. ผลการสำรวจความคิดเห็นและประสบการณ์ของประชาชนทั่วไป (General Population Poll: GPP) ซึ่งเป็นตัวแทนของครัวเรือน 1,100 แห่งทั่วประเทศ ที่ได้ทำการสำรวจแบบตัวต่อตัวระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม พ.ศ. 2568 โดยเป็นการอัพเดทข้อมูลจากการสำรวจล่าสุดใน พ.ศ. 2561

 

คะแนนหลักนิติธรรมไทย “คงที่” อยู่ในระดับกลาง แต่ยังต่ำกว่าเฉลี่ยโลก

 

ผลสำรวจดัชนีหลักนิติธรรม (WJP Rule of Law Index) ประจำปี 2568 ระบุว่า คะแนนรวม 0.50 คะแนนของประเทศไทยถือว่าเป็นระดับกลาง ๆ และคะแนนยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 0.55 คะแนน ส่วนสถานการณ์ในระดับภูมิภาคอาเซียน ไทยรั้งอยู่ในอันดับที่ 4 โดยยังคงตามหลังประเทศในอาเซียนอย่างสิงคโปร์ (อันดับ 16) มาเลเซีย (อันดับ 56) และอินโดนีเซีย (อันดับ 69) แม้จะมีคะแนนที่ดีกว่าเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และกัมพูชา นอกจากนี้ คะแนนของไทยยังคงมีช่องว่างห่างจากค่าเฉลี่ยภูมิภาคเอเชียตะวันออก แปซิฟิก และเอเชียใต้ (0.59) โดยอยู่ในอันดับที่ 12 จาก 21 ประเทศ

“ความมั่นคง” แข็งแกร่ง สวนทาง “ความโปร่งใส”

 

ดัชนีชีวัดหลักนิติธรรม (Rule of Law Index) ที่ทำการสำรวจทั่วโลก แยกการวัดหลักนิติธรรมออกเป็น 8 ปัจจัยใหญ่ ได้แก่ 1. การจำกัดอำนาจรัฐ 2. การปราศจากคอร์รัปชัน 3. การมีระบบรัฐบาลเปิด 4. สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐาน 5. ระเบียบและความมั่นคง 6. การบังคับใช้กฎหมาย 7. กระบวนการยุติธรรมทางแพ่ง 8. กระบวนการยุติธรรมทางอาญา

 

จากการเจาะลึก 8 ปัจจัยหลักของดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม พบว่า ประเทศไทยมีความแข็งแกร่งอย่างเห็นได้ชัดในด้านความสงบเรียบร้อยและความมั่นคง (Order and Security) โดยทำคะแนนได้สูงถึง 0.75 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการควบคุมอาชญากรรมและความขัดแย้งภายในประเทศ นอกจากนี้ ด้านการจำกัดอำนาจรัฐบาล (Constraints on Government Powers) ก็มีพัฒนาการที่ดีขึ้นเล็กน้อย (0.47) แสดงให้เห็นถึงการตรวจสอบถ่วงดุลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ส่วนจุดอ่อนสำคัญของไทยคือ การปลอดจากคอร์รัปชัน (Absence of Corruption) โดยคะแนนอยู่ที่ 0.45 ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาการติดสินบนและความไม่โปร่งใสในภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปลอดจากการทุจริต (-0.01) ซึ่งปัจจัยด้านการทุจริตในฝ่ายนิติบัญญัติมีคะแนนลดลง  ในขณะที่ด้านการบังคับใช้กฎหมาย (Regulatory Enforcement) ยังคงมีคะแนนต่ำและเท่ากับปี 2567 อยู่ที่ 0.40 บ่งบอกถึงการขาดประสิทธิภาพและความไม่แน่นอนในการบังคับใช้กฎระเบียบ ซึ่งนับเป็นอุปสรรคสำคัญต่อภาคธุรกิจและการดึงดูดการลงทุน และอาจเป็นความเสี่ยงสำคัญในการเข้าเป็นสมาชิก OECD

ในเวทีเดียวกัน ดร.พิเศษ สอาดเย็น ผู้อำนวยการ TIJ และ มาร์ค ลูอิส หัวหน้าฝ่ายความร่วมมือภาครัฐของโครงการยุติธรรมโลก (World Justice Project: WJP) ได้ร่วมกล่าวเปิด โดยกล่าวถึงความร่วมมือระหว่าง WJP และประเทศไทยในการส่งเสริมหลักนิติธรรมในครั้งนี้ว่าถือเป็นโอกาสอันดียิ่งที่ความร่วมมือก้าวหน้าไปอีกขั้น ด้วยการส่งเสริมการนำข้อมูลเชิงประจักษ์มาใช้เพื่อเป็นแนวทางในการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนนโยบาย อันจะนำไปสู่การเสริมสร้างหลักนิติธรรมให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น

 

ผู้อำนวยการ TIJ กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา TIJ ได้สนับสนุน WJP ในการจัดทำบทแปล รวมถึงการปรับปรุงชุดคำถามในการเครื่องมือสำรวจด้วยการแปลและปรับบริบทเป็น ย้ำด้วยว่าถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยควรมีกรอบนโยบายด้านหลักนิติธรรมระดับชาติ ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือน Blueprint ของประเทศ ซึ่งเกิดจากกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน บนข้อมูลและหลักฐานเชิงประจักษ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งการมี Blueprint ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ต้องทำให้กระบวนการครั้งนี้สร้างความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบได้ด้วยวิธีการที่แตกต่างไปจากเดิม

แท็กที่เกี่ยวข้อง
TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง