‘การลงทุนอย่างระมัดระวังเพื่อรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจและตลาดลงทุน’ น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่ดีสำหรับการลงทุนในปีนี้
แม้เปิดปีมาภาพรวมของภาคธุรกิจ การลงทุนหลายประเภทจะฟื้นตัวดูดีขึ้น แต่ตลอดทางยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศที่อาจส่งผลกระทบต่อสภาพเศรษฐกิจและภาพรวมการลงทุน
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาวะการเงินไทยมีแนวโน้มตึงตัวต่อเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่จะยังอยู่สูงกว่ากรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ในด้านค่าเงินบาทก็มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ จากปัจจัยการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่ตึงตัวช้าลง และเศรษฐกิจสหรัฐฯมีแนวโน้มอ่อนลง
อีกทั้งปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยที่ดีขึ้นจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ส่งผลให้เงินทุนจากต่างชาติไหลเข้าตลาดการเงินไทยตามความเชื่อมั่นที่ปรับตัวดีขึ้น โดยคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าที่ 31.5-32.5 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี
อย่างไรก็ตาม ราคาพลังงานและราคาอาหารที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการเลือกตั้งที่อาจกระทบกับเสถียรภาพการเมืองไทยและต่อเศรษฐกิจยังคงเป็นสิ่งที่ต้องติดตาม
ภาพรวมดังกล่าวส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุน โดยเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อกระจายความเสี่ยง เช่น สินทรัพย์ดั้งเดิมอย่าง หุ้น กองทุนรวม และหุ้นกู้ จนไปถึงสินทรัพย์รูปแบบใหม่อย่าง ‘สินทรัพย์ดิจิทัล’ อาทิ
โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน หรือ Investment Token ที่มีสินทรัพย์หรือโครงการอ้างอิง ได้รับการกำกับดูแลภายใต้ พ.ร.ก. การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561 ให้ผลตอบแทนระยะยาว และมีความผันผวนและความเสี่ยงต่ำเมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทคริปโตเคอร์เรนซี
เทรนด์การลงทุนในโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่มีทรัพย์สินอ้างอิง หรือ Asset-Backed Token ถือเป็นอีกทางเลือกใหม่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน
ด้วยการแปลงทรัพย์สินในโลกจริงให้เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล หรือ ‘โทเคน’ (Token) ผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชน เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการระดมทุน ซึ่งผู้ถือโทเคนจะได้รับผลตอบแทนหรือประโยชน์ที่เกิดจากทรัพย์สินอ้างอิง
โดยเฉพาะ Condo-Backed Token หรือ โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนที่มีคอนโดมิเนียมเป็นทรัพย์สินอ้างอิง ซึ่งถือได้ว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ ที่ทำให้นักลงทุนมีโอกาสเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น โดยสามารถลงทุนคอนโดมิเนียมได้สะดวกสบายมากขึ้นด้วยเงินลงทุนที่น้อยลง
เมื่อเปรียบเทียบกับผลตอบแทนการลงทุนในปี 2565 หุ้นกู้เอกชนระดับ Investment Grade ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 1-5% ต่อปีตามอายุของหุ้นกู้นั้นๆ จากข้อมูลสมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA)
ในขณะที่ผลตอบแทนโดยรวมของ SET (SET TR) ทั้งปี 2565 อยู่ที่ 3.5% ส่วนผลตอบแทนกองทุนหุ้นไทยกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่เฉลี่ยอยู่ที่ 2.0% และกองทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็กมีผลตอบแทนเฉลี่ยติดลบเล็กน้อยที่ -1.6% ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของ Morningstar
ขณะที่การลงทุนใน Condo-Backed Token ที่ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้ง่ายขึ้น เช่น การลงทุนใน RealX Investment Token ซึ่งเป็นการลงทุนที่ผู้ลงทุนเสมือนเป็นเจ้าของคอนโดมิเนียมมูลค่าสูงใจกลางเมืองได้ในหน่วยย่อย (Fractionalized Ownership)
โดย Token X ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ร่วมกับผู้ออกโทเคนดิจิทัลได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต.นั้น นักลงทุนที่ถือโทเคนจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจาก
1. รายได้ค่าเช่าสุทธิตลอดอายุของโครงการ 10 ปี โดยอัตราผลตอบแทนในช่วงปีที่ 1-5 ของโครงการจะอยู่ที่ 4-5% ต่อปี และ 2. ผลตอบแทนจากการจำหน่ายทรัพย์สินของโครงการสุทธิในปีที่ 6-10 ของโครงการ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมีโอกาสที่จะได้รับกำไรจากราคาอสังหาฯ ย่าน CBD ที่มีแนวโน้มปรับราคาเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี
และหากโทเคนดิจิทัลนั้นเข้าจดทะเบียนในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นักลงทุนผู้ถือโทเคนดิจิทัลจะสามารถซื้อขายเปลี่ยนมือโทเคนดิจิทัลในตลาดรองได้ตลอด 24 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามการเลือกลงทุนใน Condo-Backed Token นักลงทุนควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ คุณภาพทรัพย์สินอ้างอิง เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. ความน่าเชื่อถือของทรัสตี (Trustee) ที่มีหน้าที่ติดตามการจัดการทรัพย์สินให้เป็นไปตามหนังสือชี้ชวน เป็นต้น
แน่นอนว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน










