
ศาสตราจารย์ ดร. สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี ม.วลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ม.วลัยลักษณ์ ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และสำนักงานบริหารเทคโนโลยีการสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา (UniNet) เป็นเจ้าภาพจัดงาน “การดำเนินกิจกรรมบนระบบเครือข่ายสารสนเทศเพื่อพัฒนาการศึกษา” ครั้งที่ 39 (Workshop on UniNet Network and computer Application: 39th WUNCA) ภายใต้แนวคิด “Smart University” โดยมี คณาจารย์ นักศึกษา จากมหาวิทยาลัยทั่วประเทศเข้าร่วม ณ หอประชุมใหญ่ อาคารไทยบุรี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช

ศาสตราจารย์ ดร. สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี ม.วลัยลักษณ์
ศาสตราจารย์ ดร. สมบัติ กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว มหาวิทยาลัยจึงต้องปรับตัวและมีหน้าที่สอนให้นักศึกษาสามารถใช้ AI ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งปัจจุบัน ม.วลัยลักษณ์ ประกาศตัวเป็น “Smart University” เพื่อส่งเสริมให้คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษา ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลก โดยการบริหารจัดการในด้านต่างๆ ที่นำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน

มีห้องเรียนแบบ Smart Class room มีเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย แก้ปัญหาการสื่อสารทางเดียวระหว่างผู้สอนและผู้เรียน มีการบริหารจัดการและมาตรการลดการใช้กระดาษภายในองค์กร การปรับเปลี่ยนรูปแบบการวัดผลการศึกษาด้วยระบบ e-Testing หรือการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ด้วยระบบ e-Office และการใช้ e-Signature สำหรับผู้บริหาร ซึ่งในรอบปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อกระดาษลงได้กว่า 2 ล้านบาท อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับ การวิจัย การบริการวิชาการ การสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ และการปฏิรูปการเรียนการสอนใหม่ในทุกมิติ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะสามารถผลิตบัณฑิตที่มีศักยภาพ เป็นบุคคลที่มีคุณภาพ เพื่อให้ประเทศมีขีดความสามารถในการแข่งขันได้

ดร.อรสา ภาววิมล รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา
ด้าน ดร.อรสา ภาววิมล รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กล่าว่า ภาครัฐได้ลงทุนกับการพัฒนาเครือข่ายสารสนเทศเพื่อการพัฒนาการศึกษา ด้วยจำนวนเงินมหาศาล และมีความมุ่งหวังว่า เรื่องระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ตต่างๆ เพื่อใช้ในการเรียนการสอนและการวิจัยนั้น จะต้องนำพาไปสู่การยกระดับคุณภาพ การจัดการศึกษา คุณภาพงานวิจัยของมหาวิทยาลัย และเพื่อกระจายโอกาสทางการศึกษาให้ลงไปถึงทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ขณะนี้ลงไปถึงสถานศึกษากว่า 10,000 แห่ง

เพราะฉะนั้น สถานศึกษาทุกแห่ง จะได้ใช้เทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เพื่อค้นคว้าหาความรู้อย่างเต็มที่ การรับฐานข้อมูลวิจัยที่เป็นมาตรฐานสากลไม่น้อยไปกว่า 11 ฐาน มีระบบห้องสมุดที่มีการแลกเปลี่ยนทรัพยากรระหว่างกันของสถาบันการศึกษาทั่วประเทศ สะท้อนให้เห็นว่าภาครัฐได้ลงทุนให้กับการสร้างคนของประเทศ สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะคุ้มค่ามากน้อยเพียงใด มหาวิทยาลัย/สถาบันอุดมศึกษา/สถานศึกษาต่างๆ จึงจะต้องหันกลับมาดูว่าจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีนี้ได้อย่างเหมาะสมหรือไม่

“การจัดประชุมครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือของคณาจารย์ นักวิจัย ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในระบบการศึกษา ซึ่งทุกท่านจะได้รับความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยี Digital ใหม่ๆ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน จากวิทยากรกว่า 100 ท่าน ผู้เข้าร่วมจะมีโอกาสนำความรู้ใหม่ๆ ไปใช้พัฒนาสถาบันอุดมศึกษาของท่านและผลสุดท้ายจะตกกับนิสิต นักศึกษา สังคมและประเทศชาติ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญสูงสุด สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทางจังหวัดนครศรีธรรมราชและมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่ร่วมต้อนรับพวกเราอย่างอบอุ่นด้วย” ดร.อรสา กล่าว











