
เตือนติดป้ายหาเสียงเกินจำนวนที่กำหนด มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ชี้ระวังคู่แข่งทางการเมืองเป็นคนไปร้องเรียน
วันที่ 16 ม.ค. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงเรื่องรูปแบบการหาเสียงเลือกตั้งว่า ภายหลังมีการระเบียบและประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในราชกิจจานุเบกษา ยังมีข้อสงสัยสอบถามเข้ามาเป็นจำนวนมาก จึงได้ขออนุญาต กกต.ในการมาแถลงเพิ่มเพื่อความเข้าใจ

สำหรับระเบียบทั้งหมดจะบังคับใช้เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเรื่องของการนับค่าใช้จ่าย ซึ่งค่าใช้จ่ายการเลือกตั้ง ผู้สมัคร ส.ส.แบ่งเขตกำหนดไม่เกินคนละ 1.5 ล้านบาท เท่ากับการเลือกตั้งครั้งก่อน เนื่องจากกฎหมายใหม่กำหนดให้ กกต.ช่วยเหลือดูแลเรื่องการประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว ทั้งหนังสือที่ส่งถึงแต่ละบ้านที่มีข้อมูลผู้สมัคร, มีการติดแผ่นป้ายให้, มีแอพลิเคชั่น ดูได้ทั้งข้อมูลเขตเลือกตั้งและนโยบายพรรค รวมทั้ง จัดเวลาหาเสียงเลือกตั้งทางโทรทัศน์และวิทยุให้ ซึ่งพรรคการเมืองไม่สามารถไปทำเองได้, การจัดดีเบตพรรคการเมือง ทั้งหมดนี้เป็นการช่วยพรรคที่ไม่มีเงินทุนในการหาเสียงได้ ส่วนพรรคการเมืองใช้ค่าใช้จ่ายได้ไม่เกิน 35 ล้านบาท

พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวว่า เรื่องของป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ป้ายขนาด A3 กำหนดไม่เกิน 10 เท่าของหน่วยเลือกตั้ง (ต่อเขตเลือกตั้งจะมีหน่วยเลือกตั้งเฉลี่ย 270 หน่วย) ส่วนป้ายขนาด 130×245 ซม. ผู้สมัครแบบแบ่งเขตจะติดได้ไม่เกิน 2 เท่าของจำนวนหน่วยเลือกตั้ง หรือประมาณ 540 ป้ายและต้องติดในสถานที่ที่กำหนดเท่านั้น ถ้าเกินจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ภาพในป้ายจะมีได้เฉพาะภาพผู้สมัคร หัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค ผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค และสมาชิกพรรคเท่านั้น เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบในการหาเสียง การไปนำภาพคนอื่นมาหาเสียงคงไม่ถูกต้อง , ใบปลิวต้องแจกกับมือ ห้ามวางหรือโปรย คุมจำนวนด้วยค่าใช้จ่ายรวม , ผู้ช่วยหาเสียงจำกัดจำนวน ส.ส. แบ่งเขต มีได้ไม่เกิน 20 คน พรรคการเมืองมีได้ไม่เกิน 10 เท่าของเขตเลือกตั้งที่ส่งสมัคร

“ที่กำหนดค่าใช้จ่ายน้อย จริงๆ ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองต้องอยู่ในใจของประชาชนอยู่แล้ว ต้องเดินอยู่ในเขตเลือกตั้งนั้น ตัวเองจะเป็นตัวแทนของประชาชนไม่ใช่ประชาชนไม่รู้จักเลยคงเป็นไปไม่ได้ และเกี่ยวกับเรื่องความเป็นธรรมความเท่าเทียมกันด้วย”
เมื่อถามถึงเรื่องการขอใช้สถานที่ในการหาเสียงเลือกตั้ง เลขาธิการ กกต.กล่าวว่า จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาก็มีสอบถามมาเยอะ เช่น มหาวิทยาลัยของรัฐ เราก็ตอบไปว่าได้ เพราะนี่เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่ว่าการจะให้ก็ต้องไปโดยเท่าเทียมกันทุกพรรค
ขณะที่การหาเสียงทางโซเชียลมีเดีย ที่กำหนดให้ต้องแจ้งกับทาง กกต.ก่อน ไม่ใช่การควบคุม แต่เพื่อปกป้องไม่ให้มีการถูกอ้างชื่อไปใส่ร้ายคนอื่น หรือพวกเพจอวตารต่างๆ ขอให้พรรคการเมืองแจ้งมาที่เลขาธิการ กกต. ถ้าแบบแบ่งเขตให้แจ้งที่ กกต.จังหวัด และการหาเสียงทางโซเชียลมีเดียหากมีค่าใช้จ่ายก็ต้องรวมในวงเงินค่าใช้จ่ายรวมด้วย เช่น การบูทส์โพสต์
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวถึงการกำหนดวันเลือกตั้งว่า ยังรอพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีเมื่อใด รัฐบาลเพียงประสานถึงงานพระราชพิธีเท่านั้น แต่ กกต.คุยกันว่าจะประกาศผลให้อยู่ใน 90 วันหลัง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ใช้บังคับ คือ 9 พ.ค









