
โฆษก คสช. ยันไม่มีเตะตัดขา ธนาธร-อนาคตใหม่ หมายเรียกมาจากคดีเก่าเมื่อปี 2558 ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ย้ำคนทั่วไปเข้าใจ คสช. มีเฉพาะบางกลุ่มที่มีทัศนคติต่างไป
วันที่ 4 เม.ย. พันเอกวินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความมั่นคงแห่งชาติ (คสช.) ชี้แจงถึงกรณี ที่ ฝ่ายกฎหมาย คสช. ฟ้องร้อง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และการให้ที่พำนักผู้ต้องหา (กฎหมายอาญา มาตรา 189) ซึ่งเป็นคดีตั้งแต่ปี 2558 ว่า เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ที่กินระยะเวลานาน ซึ่งอยู่ในชั้นสอบสวน เข้าใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นคดีส่วนบุคคลซึ่งเป็นหมายเรียกให้ข้อมูลไม่ใช่หมายจับ และถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับผู้ถูกร้องที่จะมาพิสูจน์ข้อเท็จจริงเป็นช่องทางตามหลักสากล ไม่อยากให้มองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นเรื่องของ คสช. ทำ

ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่าการที่มาดำเนินการในช่วงนี้อาจเป็นการเตะตัดขาพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งนั้น โฆษก คสช. กล่าวว่า อยู่ที่ทัศนคติเดิมของผู้พูด เพราะหากดูตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน บางกลุ่มเมื่อมีประเด็นใดขึ้นมาก็จะกล่าวถึง คสช. อยู่ตลอด ดังนั้น ขอให้ประชาชนแยกแยะว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ จะไปเหมารวมเอาแต่ความรู้สึกตัวเองไม่ได้ เพราะบางคนมีธงอยู่ในใจ ขอยืนยันว่า คสช. ไม่ทำร้ายประเทศอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า คสช. ถูกหยิบยกเป็นจำเลยสังคมจะมีการปรับภาพลักษณ์อย่างไรนั้น พันเอกวินธัย กล่าวว่า ต้องดูว่าคนที่คิดอย่างนี้มีทัศนคติอย่างไรต่อ คสช. เพราะว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจ เพราะคสช. ไม่ได้กระทำการใดใดเพื่อตัวเอง และกลุ่มของตนเองแต่ทำเพื่อสังคม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คดีตามหมายเรียกของนายธนาธร เป็นคดีเมื่อปี 2558 กรณีกลุ่มผู้ชุมนุมทำกิจกรรมรำลึก ครบรอบ 1 ปี รัฐประหาร ที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ต่อมาเจ้าหน้าที่ สน.ปทุมวัน ได้เข้าควบคุมตัวนักศึกษาบางส่วน โดยที่เหลือได้มาชุมนุมต่อหน้าโรงพัก เมื่อการชุมนุมยุติ ตำรวจและทหารออกติดตามตัวผู้ที่มีหมายจับ โดยจังหวะที่จะควบคุมตัว นายรังสิมันต์ โรมและพวก ได้มีรถตู้มารับไป โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่า รถคันดังกล่าวเป็นของบริษัทของครอบครัวนายธนาธร

ภาพ : กลุ่มธรรมศาสตร์เสรีเพื่อประชาธิปไตย (LLTD)
สำหรับโทษตามข้อกล่าวหา ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ร่วมกันทำให้ปรากฎแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต (2) เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ (3) เพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน (โทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี)
และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม (โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)









