
พ.ต.ท.ทงศักดิ์ โพธิ์เหน่ง เจ้าของสำนวนคดีครูจอมทรัพย์
ประเด็นคือ – โฆษกสตช.เตรียมเสนอ ผบ.ตร.มอบรางวัลเชิดชูเกียรติ พ.ต.ท.ทงศักดิ์ โพธิ์เหน่ง เจ้าของสำนวนคดีครูจอมทรัพย์ ยกย่อง เป็นสำนวนที่ละเอียด รอบคอบและรัดกุม
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รักษาราชการแทน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รักษาราชการแทน รองผบ.ตร. ) ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยเมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า อยู่ระหว่างประมวลเรื่องเสนอให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อนุมัติรางวัลเชิดชูเกียรติ ให้กับ พ.ต.ท.ทงศักดิ์ โพธิ์เหน่ง รองผู้กำกับการสอบสวน สภ.คำชะอี ช่วยราชการ สภ.ผึ่งแดด อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งปัจจุบันเกษียนอายุราชการแล้ว ผู้ทำสำนวนคดี นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือ ครูจอมทรัพย์ ขับรถชนคนเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อปี 2548
“ในฐานะที่เป็นพนักงานสอบสวนทำสำนวนคดีได้ละเอียด รอบคอบ รัดกุม มีการเสาะแสวงหาพยานหลักฐาน จนทำให้ศาลเชื่อว่า นางจอมทรัพย์ คือ ผู้กระทำความผิดตัวจริง” พล.ต.อ.วิระชัย ระบุ

นางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงที่ครูจอมทรัพย์ ดำเนินขบวนการเพื่อขอรื้อฟื้นคดี พ.ต.ท.ทงศักดิ์ ตกอยู่ในฐานะจำเลยของสังคม เนื่องจากถูกกล่าวหาว่า “ตำรวจไทยจับแพะเข้าคุก” โดยพ.ต.ท.ทงศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ ผู้จัดการออนไลน์ ไว้เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2560 ถึงการทำสำนวนคดีนี้ว่า
“เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 มี.ค. 48 ขณะที่ตนเข้าเวรพนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งเหตุว่ามีรถยนต์ชนรถจักรยาน 2 ล้อ มีผู้บาดเจ็บ ก็ได้ไปที่เกิดเหตุพร้อมพวก ส่วนรถยนต์ได้หลบหนีไป พบแต่จักรยาน 2 ล้อที่เกิดเหตุ ส่วนผู้บาดเจ็บมีพลเมืองดีส่งโรงพยาบาลนาแก
จากการตรวจสอบที่เกิด พบจักรยาน 2 ล้อตะเกียบหลุด และมีรอยแลกสีกันที่ตะเกียบกับบังโคลนหน้าของรถจักรยาน 2 ล้อ ได้ถ่ายภาพ และทำแผนที่เกิดเหตุ และได้ไปดูผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาล และต่อมาได้เสียชีวิต
ขณะตรวจที่เกิดเหตุพบพยาน 3 ปาก ได้จดชื่อ นามสกุล ที่อยู่ไว้ และได้สอบปากคำว่าเป็นรถยนต์ชนรถจักรยาน 2 ล้อ ก่อนเกิดเหตุพยาน 3 ปากได้ขี่จักรยานยนต์มาจากช่วยงานบุญ มาเห็นเหตุการณ์ และได้เอาไฟหน้ารถส่องดูป้ายทะเบียน สอบปากคำและตรวจสอบรถ ก็ให้ความร่วมมือ มีป้ายทะเบียนหน้ากับกันชนสีถลอกที่ติดรถจักรยาน 2 ล้อ กับบังโคลนหน้า ได้สอบปากคำเจ้าของรถให้การว่าได้ไปยืมรถยนต์ในช่วงเช้าเพื่อไปทำธุระ
ซึ่งรถยนต์คันดังกล่าวผู้ถูกกล่าวหาได้ขายให้ญาติไปแล้ว แต่ไม่มีรถ จึงยืมไปทำธุระก่อน เหตุเกิดประมาณ 1 ทุ่มของคืนนั้น
จากการสอบพยาน 3 ปาก สอบเจ้าของรถ ตรวจสอบรถ มีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนครพนมมาตรวจสอบระหว่างจักรยาน 2 ล้อ กับรถยนต์ ปรากฏว่าเข้ากันได้ในช่วงสูงต่ำ ก็เลยขอป้ายทะเบียนรถยนต์ และจักรยาน 2 ล้อ ส่งพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม. ผลออกมาว่าเป็นสีเดียวกันเข้ากันได้
จึงได้ออกหมายเรียกไปยังผู้ถูกกล่าวหามาพบพนักงานสอบสวนพร้อมทนาย ในชั้นสอบสวนผู้ถูกกล่าวหาให้การปฏิเสธ ขอให้การชั้นศาล และไม่ขออ้างพยานใดๆ จะไปอ้างพยานแถลงข้อเท็จจริงในชั้นศาล จนศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา พิพากษาถึงที่สุด”









