นครพนมเมืองเล็ก แต่ศักยภาพใหญ่ ดาวรุ่งเศรษฐกิจริมโขง

นครพนมเมืองเล็ก แต่ศักยภาพใหญ่ ดาวรุ่งเศรษฐกิจริมโขง

ถ้าพูดถึง “นครพนม” หลายคนอาจนึกถึงเพียงเมืองศรัทธาอันเงียบสงบ ริมแม่น้ำโขง กับแลนด์มาร์กพระธาตุพนมที่เป็นจุดหมายที่สายมูต้องมา แต่ปัจจุบันนี้เมืองเล็กๆ ริมโขงกำลัง “เปลี่ยนบทบาท” จากเมืองผ่าน สู่เมืองพัก และอาจก้าวไปถึงเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจชายแดนที่มีศักยภาพโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน 

ที่น่าสนใจคือ นครพนมยังเต็มไปด้วย “ช่องว่างทางโอกาส” สำหรับผู้ประกอบการในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นโลจิสติกส์ การท่องเที่ยวเชิงศรัทธา คาเฟ่และธุรกิจบริการ ไปจนถึงเศรษฐกิจดิจิทัลที่เริ่มขยายตัวอย่างรวดเร็ว

ล่าสุด LINE MAN Wongnai ชวนทีม TODAY Bizview ลงพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อสำรวจศักยภาพของเมืองและถอดอินไซต์เศรษฐกิจชายแดน ผ่านมุมมองของผู้มีส่วนร่วมสำคัญในพื้นที่ นำโดย อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะและรัฐกิจสัมพันธ์ LINE MAN Wongnai, ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, ชนนท์ กุลตั้งวัฒนา ประธาน YEC นครพนม,และ วิศรุต สร้อยคำ เจ้าของร้าน Chewa Cafe By SK Sroikham

ทั้งหมดนี้จะมาร่วมกันสะท้อนให้เห็นภาพนครพนม เมืองริมโขงที่กำลังขยับตัวด้วยพลังศรัทธาและเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งเราจะสรุปให้ฟังผ่านบทความนี้

[ จากเมืองศรัทธาสู่เมืองพักริมโขง ]

ในปัจจุบันนครพนมไม่ได้เป็นเพียงจุดแวะไหว้พระธาตุพนมอีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวปลายทางที่ผู้คนเลือกพักค้างเพื่อมาแวะพักผ่อน และเดินทางมาสักการะพระธาตุพนมและพญาศรีสัตตนาคราช 

มีตัวเลขจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า รายได้จากการท่องเที่ยวของนครพนมในปี 2566 อยู่ที่ประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยมีนักท่องเที่ยวกว่า 1.5 ล้านคน/ปี เติบโตเฉลี่ย 8–10% ต่อปี หลังโควิด-19

สิ่งที่น่าสนใจคือ นักท่องเที่ยวสายมูยังคงเป็นแรงขับหลักของเมือง เพราะกว่า 80% ของนักท่องเที่ยวเป็นกลุ่มสายมูหรือผู้แสวงบุญ ที่เดินทางมาสักการะพระธาตุพนมและพญาศรีสัตตนาคราช ก่อนขยายเวลาพักเพื่อเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

ส่วนที่เหลือก็เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มยุโรปที่เข้ามาแวะนครพนม 1-2 วันเพื่อเตรียมตัวไปปีนเขา ส่งผลให้ธุรกิจโรงแรม คาเฟ่ และสินค้าโลคัลเติบโตต่อเนื่อง แถมยังไม่เพียงพอกับจำนวนประชากรที่เข้ามาด้วย

[ อีเวนต์สายมูเริ่มเยอะ นักท่องเที่ยวมาตลอดทั้งปี โอกาสธุรกิจโรงแรมคาเฟ่ ]

แม้ว่าตอนนี้จำนวนโรงแรมของนครพนมจะมีมากขึ้นจากเมื่อก่อนแล้ว แต่ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในแต่ละช่วงยังคงหนาแน่น ยิ่งช่วงที่มีงานอีเวนต์สายมู ก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมามูโดยเฉพาะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

และตอนนี้นครพนมก็พยายามเพิ่มอีเวนต์สายมูให้มากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวยังคงมาอยู่ ตรงนี้เองทำให้เกิดโอกาสทางธุรกิจโรงแรมริมแม่น้ำโขงยังมีอยู่อีกมาก 

ไม่เพียงเท่านี้ธุรกิจคาเฟ่ และร้านอาหารของเมืองนี้ก็ยังคงมีช่องว่าง แม้ว่าใน 5 ปีก่อนคาเฟ่ในนครพนมยังมีอยู่ราวๆ 15-20 ร้าน แต่ปัจจุบันมีร้านเพิ่มขึ้นมากกว่า 100 ร้าน การแข่งขันสูงขึ้น แต่การเติบโตก็ยังดีอยู่ 

มีข้อมูลของ LINE MAN Wongnai บอกว่านครพนมเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มียอดออเดอร์เฉลี่ยโตเร็วที่สุดในภาคอีสาน ปี 2567 โตมากกว่า 50% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยมีผู้ใช้แอปฯ และร้านค้าบนแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ยิ่งตอนนี้มีโครงการ “คนละครึ่ง”  ก็คาดว่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจนครพนมโตขึ้นดีไปได้อีก เพราะจากในรอบที่แล้ว ตอนมีโครงการคนละครึ่งส่งผลให้ยอดขายหน้าร้านโดยรวมของบางผู้ประกอบการสูงขึ้น 100-150% ตลอดโครงการ และมีลูกค้ากลุ่มใหม่มาใช้บริการเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 50% ต่อวันเลยทีเดียว

[ ทำเลของนครพนมถือเป็น “จุดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ” ]

อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่ภาคธุรกิจรายเล็กเท่านั้นที่ยังมีโอกาสในจังหวัดนี้เพราะ “ทำเล” ของนครพนมถือเป็น จุดยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสำคัญของไทย ที่เชื่อมโยงโดยตรงกับ สปป.ลาว และเวียดนาม ผ่าน สะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 3 (นครพนม–คำม่วน) ซึ่งเป็นประตูหลักสู่เส้นทาง R8 และ R12 — สายโลจิสติกส์หลักจากไทยสู่ทะเลเวียดนามตอนกลาง

ข้อมูลจากด่านศุลกากรนครพนมระบุว่า มูลค่าการค้าชายแดนปี 2566 สูงกว่า 120,000 ล้านบาท และยังขยายตัวเฉลี่ย 15% ต่อปี โดยมีสินค้าหลัก ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง วัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์เกษตร และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของนครพนมในฐานะ “ศูนย์กลางการกระจายสินค้า” ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

และเมื่อ โครงการรถไฟรางคู่บ้านไผ่–นครพนม (ระยะทาง 355 กิโลเมตร) เปิดให้บริการเต็มระบบภายในปี 2571 เมืองนี้จะเป็นโครงข่ายโลจิสติกส์หลักของลุ่มน้ำโขงเชื่อมเศรษฐกิจ 3 ประเทศ — ไทย ลาว และเวียดนาม เข้าด้วยกัน

การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจทำให้นครพนมกลายเป็นประตูเศรษฐกิจโขงฝั่งตะวันออกของไทย อย่างเต็มตัวและยังเปิดทางให้เกิดโอกาสใหม่ในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ โลจิสติกส์และคลังสินค้า, อุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร, ท่องเที่ยวเชิงศรัทธาและวัฒนธรรม, ธุรกิจบริการและคาเฟ่ท้องถิ่น, ไปจนถึงเศรษฐกิจดิจิทัลและเทคโนโลยีขนส่งที่กำลังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในเมืองเล็กริมโขงแห่งนี้

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง
AyosiriWriterAyosiri
เป็นนักข่าวการเงิน สนใจเรื่องการลงทุนและการตลาด ประวัติศาสตร์ อยากสื่อสารให้เรื่องเป็นเงินสำหรับทุกคน

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง