ประเด็นคือ – 2 หนุ่มเมาเหล้า ด่าผู้ใหญ่บ้าน 3 สมัย น้องชายไม่พอใจ คว้าปืน .357 ยิงดับ ก่อนเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจที่ สภ.พะโต๊ะ
วันที่ 19 กย. 60 เวลา 09.00 น. พ.ต.อ.ธานี นาคหควิค ผกก. สภ.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เปิดเผยว่า ในช่วงเช้ามืด เวลา 06.00 น. นายชัชเวทย์ ยังสถิตย์ อายุ 49 ปี เจ้าของสวนปาล์ม เดินถือปืนขนาด.357 มาที่ สภ.พะโต๊ะ แจ้งต่อ พ.ต.ท.ลาภ คำภาพันธ์ สารวัตร ว่าต้องการมอบตัวหลังจากที่ได้ยิงคนตาย 2 คน
สอบปากคำเบื้องต้นได้การว่า ในค่ำของเมื่อวานได้ไปนั่งดื่มเหล้ากับ นายเสนา ศรีรักษา อายุ 50 ปี ซึ่งเปิดเป็นร้านขายของชำ พร้อมกับนายเสกสรรค์ ศรีรักษา อายุ 51 ปี พี่ชายนายเสนา ทั้งหมดเป็นเพื่อนบ้านที่รักใคร่กันมานาน
หลังจากดื่มเหล้ากันจนถึงเวลาประมาณ 02.00 น. นายเสนา และนายเสกสรรค์รวมถึงนายชัชเวทย์ มีอาการเมาหนัก นายเสกสรรค์และนายเสนาได้พูดจาด่าทอ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ซึ่งเป็นพี่ชายของนายชัชเวทย์ ทำให้นายชัชเวทย์บอกกับว่า คนทั้งสองว่า ผู้ใหญ่บ้านคนนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านมาตั้ง 3 สมัย จะด่าทอไม่ได้อีกทั้งเป็นพี่ชายของนายชัชเวทย์ด้วย จึงเกิดการโต้เถียงกัน นายชัชเวทย์เดินทางกลับบ้านพักห่างจากร้านขายของชำร่วม 500 เมตร
ต่อมาเมื่อเวลา 04.00 น. ทั้งนายเสนาและนายเสกสรรค์ยังไม่ยอมเลิกรา ขับ จยย.ตามมาที่บ้านของนายชัชเวทย์ พร้อมทั้งนั่งที่เก้าอี้ไม้หน้าบ้าน ชวนนายชัชเวทย์พูดคุย แต่คุยได้เพียงเล็กน้อย ก็เกิดทะเลาะกันอีก นายชัชเวทย์ทนคำด่าทอของพี่น้องทั้งคู่ไม่ไหว จึงวิ่งเข้าไปในบ้าน หยิบปืนขนาด .357 ที่มีกระสุนในรังเพลิง 4 นัด และหยิบกระสุนออกมาอีก 6 นัด ยิงไปที่นายเสนา 4 นัด ร่วงตกเก้าอี้ตายคาที่ หันไปยิงนายเสกสรรค์ที่กำลังจะวิ่งหนีเข้าที่ขา นายเสกสรรค์วิ่งหนีออกจากบ้านมีรอยเลือดไหลเป็นทาง จึงวิ่งไล่ยิง นายเสกสรรค์วิ่งมาล้มลง จึงตามไปจ่อยิงจนนายเสกสรรค์ถึงแก่ความตาย รวมยิงนายเสกสรรค์เข้าที่ ขา แขน ลำตัว และศรีษะ 6 นัด หลังจากนั้นจึงตัดสินใจเดินทางมามอบตัวที่ สภ.พะโต๊ะ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ ท่ามกลางชาวบ้านจำนวนมากที่มารอดูเหตุการณ์ ทำการชันสูตรพลิกศพ พร้อมทั้ง จะได้นำตัวน้อง ผญบ.ปืนโหด ที่สร้างเนื้อสร้างตัวจากชาวสวนธรรมดา จนมีฐานะเข้าขั้นเศรษฐีคนหนึ่งของ อ.พะโต๊ะ สร้างบ้านหลังละหลายล้านบาท มีสวนปาล์ม สวนทุเรียน หลายร้อยไร่ แต่ต้องตกมาเป็นผู้ต้องหาฆ่าคนตาย ด้วยเหตุจากการดื่มเหล้า เเละกว่าจะชันสูตรพลิกศพเสร็จ ก็เป็นเวลา 12.00 น. เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวห่างไกลทุรกันดารมาก
