“ปิยบุตร” รับทราบข้อหาหมิ่นศาลฯ ชี้หลายข้อความไม่ได้พูดแต่ถูกกล่าวหา

“ปิยบุตร” รับทราบข้อหาหมิ่นศาลฯ ชี้หลายข้อความไม่ได้พูดแต่ถูกกล่าวหา

วันที่ 17 เม.ย. นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความปิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) หลังได้รับหมายเรียก คดีที่ฝ่ายกฎหมาย คสช. ร้องทุกข์กล่าวโทษในความผิดอาญา 2 ฐาน ได้แก่ 1. ดูหมิ่นศาล และ 2. นำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยน่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ หรือเกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชนตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ จากกรณีอ่านคำแถลงการณ์พรรคอนาคตใหม่ต่อกรณีการยุบพรรคไทยรักษาชาติ (เมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 มี.ค. )

โดยมี พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรค, น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค พร้อมสมาชิกพรรคติดตามมาให้กำลังใจ นอกจากนี้ยังมี นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และตัวแทนจากสํานักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน ของสหประชาชาติ ร่วมสังเกตการณ์  ซึ่งนายปิยบุตร ได้ชูสัญลักษณ์สามนิ้วสื่อถึงการต่อต้านเผด็จการก่อนเข้าพบเจ้าหน้าที่

หลังพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายปิยบุตร กล่าวว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่าความผิดที่ตนโดนกล่าวโทษ คือ เรื่องดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนนูญ แต่กลับถูกร้องทุกข์โดยฝ่ายกฎหมายของ คสช. ซึ่งหัวหน้า คสช.ก็คือหนึ่งในแคนดิเดดนายกรัฐมนตรีและเป็นคู่แข่งทางการเมืองในการเลือกตั้งเมื่อ 24 มี.ค. ที่ผ่านมากับพรรคอนาคตใหม่

ความเห็นของตนอำนาจของอธิปไตยเป็นของประชาชน องค์กรผู้ใช้อำนาจอธิปไตยมีรัฐสภา คณะรัฐมนตรีและศาล ดังนั้น ระบบการตรวจสอบวิพากษ์วิจารณ์โดยเจ้าของอำนาจอธิปไตยเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะศาลรัฐธรรมนูญที่ตัดสินคดีที่มีผลกระทบในทางการเมืองย่อมถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ ตนทำหน้าที่นี้มาตลอดตอนเป็นนักวิชาการ สอนหนังสือมา 16 ปีไม่เคยตกเป็นผู้ต้องหา วันนี้มาทำงานการเมืองไม่ถึง 1 ปี ก็เจอเรื่องนี้

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า แม้ประมวลกฎหมายอาญากำหนดให้คดีดูหมิ่นศาล เป็นความผิดต่อแผ่นดินใครก็สามารถไปร้องทุกข์กล่าวโทษได้ แต่คดีนี้จะเป็นบรรทัดฐาน หากสุดท้ายตนถูกตัดสินว่ามีความผิด การวิพากษ์วิจารณ์ผู้ใช้อำนาจรัฐจะไม่เป็นไปตามมาตรฐานจริงๆ แล้วต่อไปจะมีการแจ้งความกันอีกหากใครไม่เห็นด้วย อย่างไรก็ตามตนยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม มั่นใจในการยืนอยู่บนหลักการของพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด

วันนี้หลังตนได้รับบันทึกแจ้งข้อกล่าวหามาจะกลับไปพิจารณาตรวจสอบในรายละเอียด ตนได้ขอเวลาประมาณ 15 วันจากเวลาเต็ม 30 วันในการเตรียมคำให้การ แต่คดีนี้เขามีการเร่งรัดมา ดังนั้น ตนจะทำคำให้การให้เรียบร้อยภายใน 25 เม.ย. ตนในฐานะผู้ต้องหาเต็มตัวแล้วต้องมีสิทธิในการให้การในส่วนผู้ต้องหา แต่กลับมีเวลา 9 วัน ทั้งที่วันนี้เพิ่งทราบว่าถูกกล่าวโทษด้วยข้อความใด ซึ่งตนอ่านดูแล้วหลายข้อความตนไม่ได้พูด

เมื่อถามว่า หากคดีนี้พนักงานสอบสวนหรืออัยการสั่งไม่ฟ้องจะมีการฟ้องกลับ คสช.หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนมาเป็นนักการเมือง สิ่งหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมีความอดทนอดกลั้นกับการแสดงความเห็นที่แตกต่าง ถ้าไม่อดทนสังคมประชาธิปไตยไปต่อไม่ได้ หลายเรื่องที่ตนและ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ได้อดทน รับทั้งข้อความ hate speech การกล่าวเท็จ การใส่ร้ายป้ายสี แต่เราก็อดทนอดกลั้น

อยากเรียนฝากไปว่า นักการเมืองที่จะมาจากการยึดอำนาจก็ต้องอดทนอดกลั้น รวมทั้งองค์กรที่ใช้อำนาจรัฐก็ต้องอดทนอดกลั้นต่อการแสดงความเห็นที่แตกต่างด้วย

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
“ปิยบุตร” รับทราบข้อหาหมิ่นศาลฯ ชี้หลายข้อความไม่ได้พูดแต่ถูกกล่าวหา