
จับตาท่าทีนายกรัฐมนตรี นำคณะประชุม ครม.นอกสถานที่ หลังปลดล็อกทำกิจกรรมการเมืองได้เต็มที่ ด้านผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬเตรียมเสนอ 5 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
วันที่ 12 ธ.ค.2561 ที่กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. พร้อมคณะเดินทางไปร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.บึงกาฬ และ จ.หนองคาย ระหว่างวันที่ 12-13 ธันวาคมนี้ โดยไม่มีการให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ด้านนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ กล่าวว่า จังหวัดบึงกาฬ เตรียมเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกลุ่มจังหวัด ต่อการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ จังหวัดหนองคายและบึงกาฬ ระหว่างวันที่ 12-13 ธันวาคม 2561 โดยเตรียมนำเสนอแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม 5 ด้าน ได้แก่
1. การพัฒนาระบบโลจิสติกส์
2. ด้านแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรและการแก้ไขปัญหาอุทกภัย
3. ยกระดับการผลิต และการสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิต
4. การท่องเที่ยว
5. การพัฒนาคุณภาพชีวิต

สำหรับการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ ได้เคยเสนอให้พิจารณาการสร้างสนามบินที่จังหวัดบึงกาฬ ได้ขอให้ศึกษาเส้นทางถนนเส้นตัดจากจังหวัดอุดรธานี ซึ่งตอนนี้เป็น ศูนย์กลางทางการบินของภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน โดยขอให้มีการศึกษาถนนใหม่จากจังหวัดอุดรธานี มาที่จังหวัดบึงกาฬ เพื่อเชื่อมโยงจังหวัดบึงกาฬสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และกรุงเทพมหานครได้สะดวกขึ้น

นิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดบึงกาฬ
ส่วนด้านการท่องเที่ยวได้ผลักดันให้มีการสร้างแลนด์มาร์คเรื่องเล่าริมแม่น้ำโขงที่เกี่ยวกับพญานาค เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับจังหวัด นอกจากนี้ ได้เตรียมเสนอการพัฒนาแหล่งน้ำหนองน้ำธรรมชาติ ให้สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง และนำสู่การพัฒนาการปรับเปลี่ยนสัดส่วนการผลิต ลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยว โดยปลูกไม้ผล พืชผักสวนครัวทดแทนการปลูกยางพาราในสัดส่วนที่รัฐบาลส่งเสริม สำหรับด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนาระบบสาธารณสุข โดยยกระดับศักยภาพโรงพยาบาลบึงกาฬ เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ขณะที่นายเจตน์ เกตุจำนงค์ ประธานหอการค้า จ.บึงกาฬ ได้กล่าวถึงโครงการที่นำเสนอทั้งหมด จะเป็นโครงการที่ขับเคลื่อนตามนโยบายของรัฐบาล ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน โดยเน้นการยกระดับศักยภาพโรงพยาบาลบึงกาฬ การสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิต และการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ โดยผลักดันโครงการสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 เพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนให้เติบโตและและมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ควบคู่การพัฒนาเรื่องของการท่องเที่ยว ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น









