
รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐประกาศ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมตั้งรัฐบาลกับทุกพรรค เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
วันที่ 4 มี.ค. 62 ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย ดร.วลัยพร รัตนเศรษฐ ดร.สันติ กีระนันท์ นายองอาจ ปัญญาชาติรักษ์กรรมการบริหารพรรค ปราศรัยหาเสียงช่วย น.ส.โยธากาญจน์ ฟองงาม ผู้สมัครรับเลือกตั้งเขต 3 อำเภอวารินชำราบและอำเภอนาเยีย และเป็นบุตรสาวของ นายสุพล ฟองงาม ผู้สมัครบัญชีรายชื่อ และเป็นหัวหน้าทีมหาเสียง 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ของพรรคพลังประชารัฐ
โดยระหว่างการปราศรัยของนายสุพล ยังกล่าวย้ำถึงความขัดแย้งที่ผ่านมากว่า 10 ปี ทำให้ประเทศเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจ จึงขอโทษและก้มลงกราบขออภัยต่อประชาชนที่มาฟังการปราศรัย เพราะมีส่วนทำให้เกิดความขัดแย้งดังกล่าวขึ้น

ด้าน ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวกับประชาชนที่ให้การสนับสนุนว่า ขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐพร้อมตั้งรัฐบาลกับทุกพรรค เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และนำประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง
พร้อมระบุว่าที่สนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ เพราะได้สร้างผลงานที่จับต้องได้และเกิดขึ้นจริงตลอดช่วงที่เป็นรัฐบาล และขณะนี้พรรคพลังประชารัฐยังมีนโยบายใหม่ๆ ที่สนับสนุนสร้างรายได้ให้กับคนในประเทศ
โดยเฉพาะมารดาประชารัฐ ซึ่งให้เงินอุหนุนมารดาตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงคลอดบุตร และจนกว่าเด็กจะโต เพราะการลงทุนกับเด็กที่เกิดขึ้นใหม่ จะทำให้ประเทศเกิดความมั่นคง ซึ่งไม่รวมไปถึงการสนับสนุนด้านปัจจัยการผลิตต่างๆแก่เกษตรกร จะทำให้หลุดพ้นจากความยากจนได้

หลังการปราศรัย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐว่า พรรคมีแก้ว 3 ประการ ซึ่งเป็นนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชน ไม่ว่าสวัสดิการประชารัฐ สังคมประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ ซึ่งมองว่าสิ่งที่ท้าทายเหล่านี้ จะเป็นไปได้ก็ต้องนำโดยผู้นำอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เพราะตลอดช่วง 5 ปีได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว ก็จะทำให้พ่อแม่พี่น้องเกิดความมั่นใจ แล้วนำไปสู่เรื่องการจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ
ส่วนจะร่วมกับพรรคไหนบ้าง ก็ต้องเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราเปิดกว้าง เพราะต้องการลดความขัดแย้ง ซึ่งดูได้จากภายในพรรคพลังประชารัฐ ก็มีสมาชิกที่มาจากคู่ขัดแย้ง เป็นคนเสื้อเหลืองเสื้อแดงในอดีต รวมทั้งนักบริหารและคนหนุ่มสาว ก็เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าต้องการหลุดพ้นความขัดแย้งอย่างแท้จริง

ส่วนจะร่วมกับพรรคเพื่อไทยด้วยหรือไม่นั้น ดร.สุวิทย์ กล่าวว่า แม้ยังมีหลากหลายของปัจจัย แต่ความขัดแย้งในอดีตต้องไม่มีอีกต่อไป ต้องพาประเทศเดินไปข้างหน้า โดยไม่เอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน ประชาชนต้องเป็นใหญ่และพลังประชารัฐคือ พลังประชาชน ถ้าทุกพรรคที่สอดรับกันกับพรรคของเราก็ยินดี
สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 3 อุบลราชธานี เป็นการต่อสู้ของผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐที่ส่ง น.ส.โยธากาญจน์ ฟองงาม ลงแข่งขันกับ น.ส.กิตติ์ธัญญา วาจาดี จากพรรคเพื่อไทย โดยที่ผ่านมาเป็นพื้นที่ของนายสุพล ฟองงาม บิดาของ น.ส.โยธากาญจน์ ครองมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี
และก่อนที่นายสุพล ฟองงาม จะมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ เคยเป็นรัฐมนตรีสมัยที่พรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล หลังพรรคพลังประชาชนถูกยุบ ก็ได้เป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ก่อนลาออกมาอยู่กับพรรคประชารัฐ ซึ่งอยู่กันคนละขั้วกับพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ และได้ประกาศบนเวทีรู้สึกสำนึกผิด พร้อมได้ก้มลงกราบขอโทษต่อหน้าผู้สนับสนุนที่มาร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากจนแน่นห้องประชุมที่จุคนได้กว่า 5,000 คน









