ตามกฎหมายแล้ว กกต. สามารถยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อถอนรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อได้เฉพาะ “ก่อนวันเลือกตั้ง” เท่านั้น การยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อถอดถอนหลังการเลือกตั้งไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายข้อใดเขียนให้อำนาจไว้
ตาม พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 61 ซึ่งอยู่ในหมวดว่าด้วยการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ได้กำหนดให้อำนาจแก่ กกต. ไว้ว่า ในช่วง “ก่อนการเลือกตั้ง” หาก กกต. เห็นว่าผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใดก็ตาม ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม แต่ กกต. ได้ประกาศรายชื่อไปแล้ว ให้ กกต. สามารถยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้ถอนรายชื่อของบุคคลผู้นั้นออกจากบัญชีรายชื่อของพรรคได้
ทั้งนี้ กฎหมายมาตราดังกล่าวเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า กกต. สามารถยื่นเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาได้เฉพาะ “ก่อนวันเลือกตั้ง” 24 มี.ค. เท่านั้น และจากการอ่าน พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ทั้งฉบับ ก็ไม่มีมาตราใดให้อำนาจกับ กกต. ไว้ ว่าสามารถยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อถอดถอนผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อได้ “หลังวันเลือกตั้ง”
ส่วนกรณีที่มีผู้ร้องเรียนไปยัง กกต. ให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อตามที่เป็นข่าวอยู่นั้น มาตรา 60 ของ พ.ร.ป. ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ระบุว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องยื่นเรื่องกับ กกต. ภายใน 7 วันหลังจาก กกต. ประกาศรายชื่อเท่านั้น นั่นคือภายในวันที่ 22 ก.พ. แต่ในกรณีของนายศรีสุวรรณ จรรยา พบว่ามีการยื่นเรื่องให้ กกต. ครั้งแรกในวันที่ 25 ก.พ. ซึ่งถือว่าเลยช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้
ฉะนั้นแล้วหากยึดตามกฎหมาย ก็ต้องถือว่า กกต. ไม่มีอำนาจที่จะยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อให้ถอดถอนรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองใดๆ แล้ว เนื่องจากทุกกรณีเกินเงื่อนเวลาที่กฎหมายกำหนดไปแล้วทั้งหมด
