
ประเด็นคือ – ที่ จ.ชุมพร เกิดเหตุ 2 ตายายปวดท้องอย่างรุนเเรง จนต้องรีบนำส่ง รพ. ตรวจพบยาฆ่าเเมลงในเเท็งก์น้ำดื่มหน้าบ้าน สองตายายเผย ก่อนเกิดเหตุได้บอกคนที่มานั่งกินเหล้าหน้าบ้าน ให้ไปกินที่อื่น คาดคงเจ็บเเค้น จึงนำยาฆ่าเเมลงมาใส่ในเเท็งก์น้ำ
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 ก.พ. 61 พ.ต.ท.อำพร รักผะกา รอง ผกก.สภ.สวี ร.ต.อ.รณชัย กาญจนภักดิ์ พนักงานสอบสวน ได้รับแจ้งเหตุวางยาพิษในแท็งก์น้ำดื่ม จากนางสวรรค์ยา บริคช อายุ 35 ปี บ้านเลขที่ 87/3 หมู่ที่ 9 ต.วิสัยใต้ อ.สวี จ.ชุมพร จึงพร้อมด้วยกำลังตำรวจสายสืบ รุดที่บ้านที่เกิดเหตุอยู่บนภูเขาสูง ห่างจาก ถนนเอเซีย 41 ร่วม 30 กม. เส้นทางคดเคี้ยวตามไหล่เขา
ที่บ้านแพรกแห้ง หมู่ที่ 9 ต.วิสัยใต้ อ.สวี เป็นบ้านชั้นเดียวภายในสวนยางพารา นางสวรรค์ยานำเข้าไปตรวจสอบที่แท็งก์น้ำหลังบ้าน ที่มีอยู่ 3 แท็งก็ พบว่าที่แท็งก์กลาง ซึ่งได้ต่อท่อประปาตรงเข้าไปภายในบ้าน เพื่อใช้เป็นน้ำดื่ม เมื่อปีนขึ้นไปดู ก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่าน้ำในแท็งก์ที่รองรับจากน้ำฝน ปกติจะเป็นน้ำใส กลายเป็นสีขุ่น และมีกลิ่นเหม็นคล้ายกับมีส่วนผสมของสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งใช้ฆ่าแมลงในสวนยางพารา ยี่ห้อโพลีดอน จึงตักน้ำใส่ขวดเพื่อนำส่งหน่วยพิสูจน์หลักฐาน

ตำรวจชุมพรยกน้ำดื่มขึ้นดม ก็จะรู้สึกแสบจมูกทันที นางสวรรค์ยา ลูกสาวของ นายสุวรรณ บริคช อายุ 76 ปี และ นางธิดา อายุ 63 ปี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 ก.พ. ในช่วงเย็นหลังจากพ่อแม่กินข้าวเย็นแล้วดื่มน้ำด้วยขันน้ำขนาดกลาง คนละ1 ขัน จากน้ำในโอ่งที่ต่อท่อประปาจากแท็งก์น้ำที่เก็บน้ำฝนหลังบ้าน หลังจากนั้นไม่ถึง 5นาที มีอาการปวดแสบปวดร้อน ตั้งแต่ปาก ลำคอ ลำไส้ เริ่มมีอาการหายใจติดขัด นางสวรรค์ยาจึงรีบนำส่ง รพ.ชุมพร
แพทย์ทำการล้างท้องช่วยชีวิต และรอดูอาการ แพทย์บอกว่าทั้งคู่ได้รับสารพิษ ประเภทยาฆ่าแมลงจำนวนมาก นางสวรรค์ยาจึงกลับไปตรวจสอบในแท็งก์น้ำหลังบ้าน พบว่ามีสีขาวขุ่น กลิ่นเหม็นคล้ายมียาฆ่าแมลงผสมอยู่ ในช่วงเช้าวันนี้หลังจากพ่อแม่เริ่มมีอาการดีขึ้นเล็กน้อยได้เล่าว่า ในช่วงเย็นวันที่ 7 ก.พ. ได้ดุด่าเพื่อนบ้านที่เป็นสามีภรรยาซึ่งมานั่งดื่มและเมาสุราหน้าบ้านว่า ให้ไปดื่มและเมาสุราที่อื่น คนทั้งคู่แสดงอาการไม่พอใจ มองพ่อและแม่อย่างเคียดแค้น จนกระทั่งผ่านไปเพียง 1 วัน ก็เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว คาดว่าคนทั้งคู่น่าจะเป็นผู้นำยาฆ่าแมลงมาใส่ในแท็งก์น้ำ เนื่องจากในย่านดังกล่าวไม่เคยมีข้อขัดแย้งกับใคร

ตำรวจจะได้รวบรวมสิ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นวัตถุพยานทั้งหมด รวมถึงน้ำจากในแท็งก์ เพื่อไปตรวจสอบอย่างละเอียด และจะได้สอบปากคำนางสวรรค์ยาและสามีอย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากนั้นจะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอหมายค้นจากศาลเข้าไปค้นบ้านผู้ต้องสงสัย ซึ่งห่างจากบ้านของผู้เสียหายไม่ไกลนัก
ส่วนตายายทั้งคู่ยังคงรักษาตัวใน รพ.ชุมพร ถึงแม้จะรอดจากพิษของสารพิษ แต่จะต้องรอดูอาการว่า สารพิษส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายของคนทั้งสอง อาทิ ลำไส้ กระเพาะอาหาร จะยังสามารถย่อยอาหารได้ตามปกติหรือไม่ เนื่องจากสารพิษดังกล่าวอยู่ในประเภททำลายเซลล์ต่างๆ ที่เป็นอันตรายอย่างรุนแรง ต่อเนื้อเยื่อของมนุษย์










