แฟ้มภาพ
“วิษณุ” แจง เมื่อยึดบ้านนางสาวยิ่งลักษณ์แล้ว ครอบครัวยังคงอาศัยอยู่ในบ้านดังกล่าวได้ แต่ต้องขออนุญาต และจ่ายค่าเช่าในฐานะผู้ที่ได้รับอนุญาตอาศัยอยู่ ไม่ใช่ในฐานะเจ้าของบ้าน ย้ำ “ทำพอสมพอควร ไม่ใช่จะเอาเป็นเอาตายอะไร”
ภายหลังศาลปกครองยกคำร้องการขอทุเลาคำสั่งยึดทรัพย์นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกรมบังคับคดี ได้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์สินตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว
จนถึงขณะนี้ รวมกว่า 30 รายการ ซึ่ง นายนพดล หลาวทอง ทนายความของนางสาวยิ่งลักษณ์ เปิดเผยรายการที่ถูกยึด รวมถึงบ้านที่ซอยนวมินทร์ 111 ซึ่งถือว่าเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่ามากที่สุดในบรรดาทรัพย์สินของนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยตามบัญชีทรัพย์สินฯ ที่ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. ระบุว่า มีราคา 110 ล้านบาท
ล่าสุดวันนี้ (1 ก.พ. 61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า การยึดบ้านจะต้องดูเอกสารสิทธิและโฉนด น.ส.3 ส.ค.1 ว่าเป็นชื่อของใคร หากมีสินสมรสจะสามารถยึดได้ แต่เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
ส่วนการนำไปขายทอดตลาดตามคำสั่งมาตรา 44 เมื่อยึดทรัพย์แล้วนั้น หากพิจารณาแล้วว่าสามารถทำได้ก็ทำเลย แต่หากเป็นสินสมรส หรืออาจมีเรื่องเกี่ยวกับคดี หรือยังไม่มีเหตุผลที่จะทำ ก็ยังไม่ควรทำ ซึ่งกรมบังคับคดีพิจารณาแล้วว่าขณะนี้ยังไม่ควรขายทอดตลาด เพราะว่าอาจมีการร้องขอให้ทุเลาสั่งยึดทรัพย์อีก
นายวิษณุกล่าวเพิ่มเติมว่า ทำพอสมพอควร ไม่ใช่จะเอาเป็นเอาตายอะไร ที่ยึดไว้ทำให้ไม่สามารถเอาไปขาย เมื่อขายไม่ได้ ทำไมรัฐไม่ขายเองนั้น เพราะถ้าขายไปแล้ว คดีเปลี่ยนแปลงไปจะเป็นปัญหา และขณะนี้ยังมีคนอยู่อาศัยอยู่ หรืออาจเป็นสินสมรส ต้องพิจารณาให้ดี โดยหากเมื่อไรที่ไม่มีปัญหา 100% ก็จะพิจารณาขายทอดตลาด
และกรณีเมื่อกรมบังคับคดียึดบ้านแล้ว คนในครอบครัวของนางสาวยิ่งลักษณ์ยังคงสามารถอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวได้หรือไม่นั้น นายวิษณุกล่าวว่า อยู่ได้ แต่ต้องขออนุญาตและจ่ายค่าเช่า ในฐานะผู้ที่ได้รับอนุญาต ไม่ใช่อยู่ในฐานะเจ้าของบ้าน จะไปตกแต่ง ทาสี ดัดแปลง รื้อถอนไม่ได้
