
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ยุบพรรคไทยรักษาชาติ กรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี และกรรมการบริหารพรรคห้ามทำกิจกรรมกรรมทางการเมืองหรือตั้งพรรคการเมืองใหม่ 10 ปี
วันที่ 7 มี.ค. เวลา 15.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคไทยรักษาชาติ โดยผู้ร้องมี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.นายทะเบียนพรรคการเมือง ส่วนตัวแทนพรรคไทยรักษาชาติ ผู้ถูกร้อง นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค

นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์ครบ โดยศาลอนุญาตให้คู่ความนั่งฟังได้โดยไม่ต้องยืน และมอบให้ นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ และนายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ 2 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้อ่านคำวินิจฉัย
โดยศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า คณะกรรมการบริหารบริหารพรรคผู้ถูกร้องย่อมทราบดีว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทั้งยังเป็นพระเชษฐภคิณี ในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แม้ทรงกราบถวายบังคมลาออกจากฐานันดรศักดิ์ไปแล้ว แต่ยังคงดำรงในฐานะที่เป็นสมาชิกแห่งพระบรมจักรีวงศ์

การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการนำสมาชิกชั้นสูงในพระบรมราชวงศ์เป็นฝักฝ่ายการเมือง ทั้งเป็นการกระทำที่วิญญูชนคนไทยทั่วไปย่อมรู้สึกได้ว่า สามารถทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยที่เป็นศูนย์รวมใจของคนไทยทั้งชาติ ต้องถูกนำมาใช้เพื่อความได้เปรียบทางการเมืองอย่างแยบยล ให้ปรากฏผลเหมือนเป็นฝักฝ่ายทางการเมืองและมุ่งหวังผลประโยชน์ทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงหลักการพื้นฐานสำคัญของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียสถานะที่จะต้องอยู่เหนือการเมือง และดำรงความเป็นกลางในทางการเมือง อันเป็นจุดประสงค์เริ่มต้น ของการเซาะกร่อนบ่อนทำลายเป็นเหตุให้ชำรุดทรุดโทรมเสื่อมทรามหรืออ่อนแอลง เข้าลักษณะของการกระทำที่อาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92 วรรค 1(2) อย่างชัดแจ้งแล้ว จึงมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองผู้ถูกร้อง ตามมาตรา 92 วรรค 2
ประเด็นที่ 2 การเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคผู้ถูกร้อง การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการกระทำเพียงอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยังไม่ถึงขนาดเป็นการกระทำที่มีเจตนาที่จะล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และยังเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการได้มาซึ่งนายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อระบอบการปกครองของประเทศชาติ นอกจากนี้เมื่อพิจารณาความสำนึกรับผิดชอบของคณะกรรมการบริารพรรคผู้ถูกร้อง ที่ได้น้อมรับพระราชโองการไว้เหนือเกล้าเหนือกระหม่อมทันทีภายหลังที่ได้รับทราบ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ายังมีความเคารพต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ จึงเห็นสมควรกำหนดระยะเวลาการเพิกถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค ผู้ถูกร้องมีกำหนดเวลา 10 ปี นับตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรค
ประเด็นที่ 3 ผู้ที่ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคที่ถูกร้องไม่สามารถจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้เป็นกำหนดเวลา 10 ปี
นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ อ่านสรุปคำวินิจฉัยว่า ศาลมีมติยุบพรรคผู้ถูกร้องโดยมติเอกฉันท์, มีมติ 6-3 เพิกถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค 10 ปี และมติเอกฉันท์ให้ผู้ถูกร้องไม่สามารถจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ได้ในเวลา 10 ปี









