
ประเด็นคือ – ศาลจังหวัดราชบุรี ยกฟ้องคดีที่อัยการ ฟ้องนักกิจกรรมและนักข่าว แจกสติ๊กเกอร์ รณรงค์โหวตโน ทำประชามติปี 59 แต่ปรับคนละ 500 บาท ฐานไม่พิมพ์ลายนิ้วมือตามคำสั่งเจ้าหน้าที่
วันนี้ (29 ม.ค.61) ศาลจังหวัดราชบุรี พิพากษายกฟ้อง คดีประชามติราชบุรี 4 นักกิจกรรม และ 1 นักข่าว ไม่มีความผิด ตามพระราชบัญญัติประชามติ ร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 เนื่องจาก ไม่มีพยานโจทก์ยืนยันว่า จำเลยได้แจกจ่ายสติ๊กเกอร์ (มีข้อความว่า 7 สิงหา ร่วมกัน VOTE NO) และไม่สามารถยืนยันได้ว่า เอกสารที่มีการแจกจ่าย ผิด พ.ร.บ.ประชามติ แต่ลงโทษฐานไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ ปรับคนละ 500 บาท

คดีนี้เกิดขึ้น เมื่อวันที่ 10 ก.ค.ปี 2559 โดยตำรวจได้เข้าตรวจค้นรถกระบะของ นายปกรณ์ อารีกุล ขณะมาให้กำลังใจ ผู้ต้องหารับทราบข้อกล่าวหา กรณีเปิดศูนย์ปราบโกงประชามติ ที่สภ.บ้านโป่ง โดยพบเอกสาร สติ๊กเกอร์ และกล่องรับบริจาคอยู่ท้ายรถ จึงมีการควบคุมตัวผู้ต้องหา 4 คน คือ นายปกรณ์ อารีกุล, นายอนันต์ โลเกตุ และนายอนุชา รุ่งมรกต นักกิจกรรมขบวนการประชาธิปไตยใหม่ รวมทั้ง นายทวีศักดิ์ เกิดโภคา ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์ประชาไท พร้อมแจ้งข้อหาตามพ.ร.บ.ประชามติฯ มาตรา 61 วรรค 2 และข้อหาฝ่าฝืนประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 25/ 2559 ไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ

และกลางดึกวันเดียวกัน ตำรวจได้เข้าปิดล้อมบ้านพักควบคุมตัว นายภานุรัตน์ ทรงสวัสดิ์ ขณะนั้นเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ เนื่องจาก พบภาพจากกล้องวงจรปิด ทำให้เชื่อได้ว่า นายภานุรัตน์ เข้าไปร่วมกับกลุ่มของนายปกรณ์
ทั้งนี้ ทีมทนายของจำเลย ต่อสู้ว่า จำเลยไม่ได้เผยแพร่ และตัวเอกสารไม่มีลักษณะไม่เป็นความจริง หรือปลุกระดม โดยตีกรอบสติ๊กเกอร์เข้ากับร่างรัฐธรรมนูญว่า “อนาคตที่ไม่ได้เลือก” หมายถึงที่มาของนายกฯ ที่อาจมาจากการเลือกของส.ส. และส.ว. ซึ่งไม่ยึดโยงกับประชาชน ส่วนนักข่าว เดินทางไปทำหน้าที่ผู้สื่อข่าวเท่านั้นไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมรณรงค์แต่อย่างใด









