สนช. ชี้แจง ร่างพ.ร.บ.ไซเบอร์ ไม่จำกัดสิทธิประชาชน จะค้น-ยึดคอมฯ ต้องขอศาลก่อน

สนช. ชี้แจง ร่างพ.ร.บ.ไซเบอร์ ไม่จำกัดสิทธิประชาชน จะค้น-ยึดคอมฯ ต้องขอศาลก่อน

กรรมาธิการฯ ร่าง พ.ร.บ.ไซเบอร์ ยืนยัน ร่างพ.ร.บ.ไซเบอร์ที่ผ่านสนช.แล้ว ไม่รวบอำนาจรัฐ คุกคามสิทธิเสรีภาพประชาชน แต่เน้นควบคุมภัยคุกคามประเทศและกลุ่มคนที่มีเจตนาไม่ดี

หลังสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. ….  ด้วยคะแนน 133 เสียง งดออกเสียง 16 เสียง และเห็นชอบร่างพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …. ด้วยคะแนน 161 เสียง เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป เมื่อวันที่ 28 ก.พ.

นางเสาวณี สุวรรณชีพ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญร่างพ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ ร่างพ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ สนช. แถลงว่า ร่างกฎหมายทั้งสองฉบับได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์ของกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจเพื่อสังคม และเมื่อเข้าสู่การพิจารณาของ สนช.แล้ว ทางคณะกรรมการวิสามัญฯ ได้เชิญผู้เกี่ยวข้องมาแสดงความเห็น และนำมาปรับแก้ไว้ให้ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว

“สำหรับร่าง พ.ร.บ.ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ยืนยันว่า ไม่มีการรวบอำนาจรัฐ เพราะกฎหมายฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมภัยคุกคามไม่ให้มีผลกระทบต่อประเทศ อีกทั้งมีการกำหนดประเภทของภัยคุกคามไว้ชัดเจน ระบบการบริหารระงับยับยั้งต้องอาศัยการบริหารงานโดยคณะกรรมการนโยบายที่ดูแลสถานการณ์ เพื่อให้เกิดระบบงานที่เป็นมาตรฐาน”

ส่วนข้อกล่าวหาว่า เป็นการใช้อำนาจรัฐเกินไปหรือไม่ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ชี้แจงว่า ไม่มีส่วนใดของกฎหมายจะไปใช้อำนาจรัฐในการคุกคามสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพราะเน้นการป้องกันกลุ่มคนที่มีเจตนาไม่ดีเท่านั้น ต้องมีการกำหนดตัวเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้ความสามารถเพื่อแก้ไขปัญหาระดับต่างๆ โดยการตรวจค้นจะต้องมีคำสั่งศาลเข้าไปก่อน

พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ กรรมาธิการฯ กล่าวว่า กฎหมายไม่ได้มอบหมายให้ภาครัฐไปดำเนินการในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง จึงอยากขอให้ประชาชนไม่ต้องเป็นห่วง ส่วนประเด็นที่เป็นห่วงว่า เจ้าหน้าที่จะเข้าไปยึดคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ยืนยันว่าจะกระทำโดยพลการไม่ได้ โดยต้องขออำนาจจากศาลก่อน เพราะที่มีการกล่าวหากันก่อนหน้านี้เป็นข้อมูลเก่า แต่ สนช.ได้ปรับแก้ไขกฎหมายแล้ว

ต่อมา เพจเฟซบุ๊กของ สนช. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “ร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. …. ซึ่งที่ประชุมสนช. ได้ลงมติเห็นชอบให้ประกาศใช้เป็นกฎหมาย จัดทำขึ้นเพื่อช่วยควบคุมภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบที่จะเข้ามาภายในราชอาณาจักรไทยและป้องกันความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงของประเทศ พร้อมทั้งยืนยันว่า ไม่ได้มีการจำกัดสิทธิของประชาชน หรือสื่อมวลชนซึ่งเป็นผู้ใช้บริการทางไซเบอร์ แต่จะเป็นการคุ้มครองความปลอดภัยของผู้เป็นเจ้าของข้อมูล และความปลอดภัยของประเทศ”

https://www.facebook.com/SenateThailand/posts/2102563273152750

ที่มา FBสภานิติบัญญัติแห่งชาติ

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง