
ประเด็นคือ – ที่ประชุม สนช. ลงมติไม่เห็นชอบผู้สมัครกรรมการ กสทช. ทั้งหมดบัญชีที่ “คณะกรรมการสรรหา กสทช.” คัดเลือกมา การลงมติของ สนช. ครั้งนี้ เท่ากับเป็นการคว่ำการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหา และจะต้องเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่
วันที่ 19 เม.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผลการประชุมลับเพื่อลงมติเลือก “กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ” (กสทช.) ชุดใหม่ ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ประชุม สนช. ลงมติไม่เห็นชอบผู้สมัครกรรมการ กสทช. ทั้งหมดบัญชีที่ “คณะกรรมการสรรหา กสทช.” คัดเลือกมา การลงมติของ สนช. ครั้งนี้ เท่ากับเป็นการคว่ำการคัดเลือกของคณะกรรมการสรรหา และจะต้องเริ่มกระบวนการสรรหาใหม่
ทั้งนี้ หลังจากการประชุมลับกว่าครึ่งวัน สนช.จึงเปิดให้มีการอภิปราย โดย นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช. ได้เสนอให้ที่ประชุมลงมติ ไม่รับรายชื่อผู้สมัคร กสทช. ทั้งหมดในคราวเดียว
ขณะที่สมาชิก สนช. เช่น นายวัลลภ ตั้งคณานุรักษ์ เห็นแย้งว่า การลงมติดังกล่าวอาจจะขัดต่อ พ.ร.บ. กสทช. มาตรา 17 ที่กำหนดให้เลือกบุคคลจากบัญชีรายชื่อ โดยให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงสุดในแต่ละด้าน เรียงตามลําดับเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุม สนช. ลงมติตามข้อเสนอของ นายสมชาย แสวงการ ไม่เห็นชอบ ผู้สมัครกรรมการ กสทช. ทั้งบัญชี
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการสรรหา กสทช. ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนศาลฎีกา ศาลปกครอง ศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน และธนาคารแห่งประเทศไทย คัดเลือกผู้สมัครกรรมการ กสทช. จาก 86 คน เหลือ 14 คน โดยแบ่งเป็นด้านละสองคน เพื่อให้ สนช. ลงมติรับเลือกให้เหลือ 7 คน ใน 7 ด้าน เพื่อนั่งเก้าอี้กรรมการ กสทช. ชุดที่สอง
คาดกันว่า เหตุผลที่ทำให้รายชื่อผู้สมัครกรรมการ กสทช. ทั้ง 14 คน ถูก สนช.ตีตกไป มาจาก 2 เหตุผล
- มีผู้สมัครเกือบ 10 คน เข้าข่ายขัดคุณสมบัติต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด เรื่องการถือหุ้นกิจการสื่อ
- คณะกรรมการสรรหา กสทช. กำหนดให้ผู้สมัครจำนวน 86 คน แสดงวิสัยทัศน์เพียงคนละ 5 นาที ทั้งที่กรรมการ กสทช. ต้องคุมธุรกิจ ทั้งกิจการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และกิจการโทรทัศน์ ที่มีมูลค่านับแสนล้านบาท
(ขอบคุณข้อมูลจากเพจ iLaw)









