สมชัย ชี้ “สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์” เป็นจุดตาย กกต.เสี่ยงเข้าคุก

สมชัย ชี้ “สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์” เป็นจุดตาย กกต.เสี่ยงเข้าคุก

อดีตกกต. มอง “สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ปาร์ตี้ลิสต์” ที่ยังคงถกเถียงกัน กรณีสัดส่วน ส.ส. กับคะแนนรวมที่ต่ำกว่า 70,000 คะแนน จะเป็นจุดตายของกกต.ชุดปัจจุบันเสี่ยงเข้าคุก 

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (อดีต กกต.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ในวันที่ 1 เม.ย. ว่า “จุดตายของ กกต.ชุดปัจจุบัน ความวุ่นวายไม่เรียบร้อยในการจัดการเลือกตั้งในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร นอกเขต การนับคะแนน การรายงานผล บัตรเขย่ง การให้ข้อมูลที่ไม่ชัดเจน เป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ โดยไม่อาจเป็นสาเหตุเพียงพอหรือมีนัยยะสำคัญที่นำไปสู่การถอดถอนหรือลงโทษใดๆ ต่อ กกต.ได้ชัดเจนนัก

เพราะหากกล่าวให้เกิดความเป็นธรรม การที่ กกต.เพิ่งเข้ามาใหม่ ความเข้าใจในรายละเอียดต่างๆกับการเลือกตั้งที่ต้องอาศัยบุคลากรร่วมล้านคนมาช่วยกันทำงานนั้นยากที่ กกต.จะเข้าไปกำกับดูแลให้เกิดความเรียบร้อย ทุกอย่างจึงเป็นเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องรับผิดชอบมากกว่า แต่กระแสสังคมกลับมาลงที่ กกต. 7 ท่าน

แต่เรื่องหนึ่งที่ต้องเตือนและเป็นจุดตายแน่นอนที่อาจนำไปสู่การถอดถอนอย่างมีเหตุผลและอาจนำไปสู่ความผิดทางอาญาได้โดยง่าย หากยังไม่ใส่ใจโดยยังให้สำนักงานเป็นผู้กระทำโดยปราศจากการกำกับอย่างจริงจัง คือเรื่อง สูตรการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

(สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.)

การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น มีขั้นตอนของการคำนวณ เขียนไว้ใน มาตรา 128 ของ พรป.ส.ส. ซึ่งอ่านแล้วไม่สามารถเข้าใจได้โดยง่าย และสามารถอ่านแปลความหมายนำไปสู่การคำนวณที่แตกต่างกันและทำให้เกิดผลแตกต่างกันอย่างน้อยสองแบบ

แบบแรก เป็นแบบที่เห็นเผยแพร่ในสื่อทั่วไป ทำให้มีพรรคเล็กได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่ง เพิ่มขึ้นมาจำนวน 11 พรรค โดยเป็นพรรคที่ได้คะแนนระหว่าง 33,748 – 69,417 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยของ ส.ส. 1 ที่นั่ง ที่คำนวณไว้ว่า เท่ากับ 71,065 คน เป็นการขัดกับเหตุผลว่า คะแนนแค่สามหมื่นเศษ ทำไมถึงได้ ส.ส. ในขณะที่ พรรคใหญ่และพรรคกลางต้องใช้คะแนนถึงเจ็ดหมื่นเศษจึงได้ ส.ส.หนึ่งคน

แบบที่สอง เป็นการคำนวณโดยนักวิชาการ ที่นำแต่ละบรรทัดของกฎหมายมาแปลความและทดลองคำนวณ ซึ่งมีผลทำให้ 11 พรรคเล็กที่มีคะแนน ส.ส.เขต ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 71,065 คน ไม่ได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และทำให้พรรคกลางและพรรคใหญ่ มีจำนวน ส.ส.มากขึ้น

การตัดสินใจแบบใดแบบหนึ่ง หากมีการพิสูจน์ได้ว่า เป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่ของ กกต.เพื่อไปสนับสนุนให้พรรคการเมืองใด ชนะการเลือกตั้งและสามารถตั้งรัฐบาลได้ จะตรงกับข้อหาที่ กกต.ชุดที่สองเคยโดนมาก่อน คือ “กระทำการเพื่อให้เกิดความได้เปรียบของพรรคการเมืองหนึ่งทำให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้” ซึ่งผลคือ กกต.ถูกศาลตัดสินจำคุก

เรื่องนี้ จึงเป็นเรื่องที่ กกต. 7 ท่านต้องคิดและรับฟังจากทุกฝ่ายให้รอบคอบ เพราะแปลความผิดอักษรเดียว มีพรรคที่ได้ มีพรรคที่เสีย และเขาฟ้องแน่นอนครับ”

ขอบคุณภาพ FB : Somchai Srisutthiyakorn

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
สมชัย ชี้ “สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์” เป็นจุดตาย กกต.เสี่ยงเข้าคุก