ประเด็น : แกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตยและกลุ่มวังน้ำยม เสนอแก้พระราชบัญญัติ ให้มีการเสนอให้ ส.ส.ไม่สังกัดพรรคการเมือง หรือไม่ต้องมีการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมาธิปไตยและกลุ่มวังน้ำยม เสนอให้ส.ส.ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยไม่สังกัดพรรคการเมือง รวมถึง นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานเครือข่ายประชาชนปฏิรูป และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศ (มปท.) เสนอแก้พระราชบัญญัติ(พ.ร.ป.)ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า มีการเสนอให้ส.ส.ไม่สังกัดพรรคการเมือง หรือไม่ต้องมีการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ให้เลือกแบบแบ่งเขตไปอย่างเดียว 400 คน
ข้อดีของการไร้สังกัด
ในฝั่งด้านดี แน่นอนว่าคือฝั่งของผู้เสนอนั่นแหละ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ผูกติดกับมติพรรค ไม่มีมติพรรคมากำกับ มีความเป็นอิสระ ไม่ต้องมีสี ไม่มีม็อบออกมาเคลื่อนไหวสร้างความปรองดองได้
ข้อเสียของการไร้สังกัด
ฝั่งด้านเสีย ซึ่งรวมถึงการตั้งข้อสังเกตด้วย มีทั้ง นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา, นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย, นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ,นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย, นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย, นายชวลิต วิชยสุทธิ์ อดีตรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
กล่าวคือ เป็นความพยายามดึงเกมทำให้โรดแมปการเลือกตั้งของนายกรัฐมนตรีต้องเลื่อนออกไป สร้างความไม่เชื่อมั่นต่อคำมั่นสัญญาของผู้นำรัฐบาลไทยทั้งในประเทศ และต่างประเทศ มีเรื่องลึกลับซับซ้อนและมีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตตรงนั้นตรงนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ไม่ดี หากจะเปลี่ยนแปลงต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็จะเกิดปัญหา เป็นเรื่องย้อนยุค ลำพังรัฐธรรมนูญก็ย้อนยุคมากแล้ว ระบอบประชาธิปไตยไทยเสื่อมโทรมลง เพราะมี ส.ส.อิสระ ทำตัวไม่มีอุดมการณ์ พร้อมจะขายตัว ปรองดองโดยการให้ ส.ส.ไม่ต้องสังกัดพรรค ตนไม่เห็นความเกี่ยวพันกันเลย มองไม่เห็นประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ รัฐบาลไม่ปฏิบัติตามกฎหมายพรรคการเมืองที่รัฐบาลออกมาเอง แล้วประชาชนจะไว้วางใจรัฐบาลได้อย่างไร
ซึ่งนายสมศักดิ์เสนอให้ใช้มาตรา 44 ในการสั่งแก้รัฐธรรมนูญ หลายคนตั้งข้อสังเกตว่านี่คือวิธีการหนึ่งในการหนุนใครคนหนึ่งหรือไม่ เป็นการดึงเกมขยายเวลาเลือกตั้งหรือไม่ 1 ในนั้นก็คุณอภิสิทธิ์ เพราะทั้ง นายไพบูลย์ นิติตะวัน และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ คือคนที่แสดงออกชัดเจนมาตั้งแต่ต้นว่าอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี
