“เพื่อไทย” ยื่นยุบพรรค “พลังประชารัฐ” – จี้ตรวจสอบ ครม.ประยุทธ์ ด้วย

“เพื่อไทย” ยื่นยุบพรรค “พลังประชารัฐ” – จี้ตรวจสอบ ครม.ประยุทธ์ ด้วย

เพื่อไทยแถลงให้ กกต.เอาผิด ครม.ประยุทธ์ ชี้รู้เห็นเป็นใจกับพรรคพลังประชารัฐ เร่งจ่ายค่าตอบแทน อสม.เพิ่มก่อนเลือกตั้งแค่ไม่กี่วัน มีวาระเรื่องจูงใจให้เลือกตั้งแอบแฝง ส่วนกรณีกรรมการบริหารพรรคคู่แข่งถือหุ้นสื่อ ส่งตัวแทนร้อง กกต.แล้ว หวังถึงขั้นศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคทุกคน 

พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์

วันที่ 1 พ.ค. ที่พรรคเพื่อไทย พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค, นายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานด้านกฎหมายพรรค และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ร่วมกันแถลงถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้เพิ่มค่าตอบแทนแก่ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม. ) จากเดิมคนละ 600 บาท เป็นคนละ 1,000 บาทต่อเดือน และได้มีการจ่ายเงินดังกล่าวแก่ อสม. ก่อนวันเลือกตั้งเพียง 2-4 วัน โดยขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบเรื่องนี้

ชูศักดิ์ ศิรินิล

แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า การอนุมัติเงินดังกล่าวมีวาระเรื่องการหาเสียงเลือกตั้งแอบแฝง แม้การอนุมัติเงินเพิ่มแก่ อสม. โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 4,218 ล้านบาท จะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ครม.แต่การใช้จ่ายจากเงินงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นนั้น น่าจะไม่เป็นเงื่อนไขของกฎหมาย ตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณรายจ่ายงบกลางรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ.2560 ตามหนังสือเวียนสำนักงานงบประมาณที่ นร.0702/ว 105 ลงวันที่ 15 มิถุนายน 2561

อีกทั้งเป็นการอนุมัติเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 โดยแกนนำของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 คน คือ นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ยังเป็นรัฐมนตรี และนโยบายดังกล่าวเป็นของพรรคพลังประชารัฐอยู่ก่อนแล้วด้วย

พรรคเพื่อไทยจึงเห็นว่า เข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบกระทำการเพื่อเป็นคุณแก่พรรคพลังประชารัฐอันเป็นการฝ่าฝืน มาตรา 78 และมาตรา 149 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2561 พฤติการณ์ของการกระทำดังกล่าวมีลักษณะเป็นการร่วมมือกันหรือรู้เห็นเป็นใจร่วมกันระหว่างคณะรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐอาจเป็นไปเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งโดยเฉพาะ อสม. ได้ลงคะแนนเลือกผู้สมัครของพลังพรรคประชารัฐ

หลังจาก ครม.อนุมัติแล้วถัดมาไม่กี่วันว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐก็ได้นำเรื่องดังกล่าวไปหาเสียงกับประชาชน การกระทำของ ครม. จึงอาจเข้าข่ายเป็นการให้ทรัพย์สินแก่บุคคลใดเพื่อจูงใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครหรือพรรคการเมือง ตามมาตรา 73 (1) ของกฎหมายเลือกตั้งด้วย ซึ่งทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม

อีกด้านหนึ่งที่ สำนักงาน กกต. นายณรงค์ รุ่งธนวงศ์ รับมอบอำนาจจากพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือต่อ กกต.เพื่อขอให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ จากกรณี นายชาญวิทย์ วิภูศิริ ว่าที่ ส.ส.กทม.เขต15 และเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ถือหุ้นสื่อมวลชนซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามไม่ให้สมัคร ส.ส. ซึ่งการที่นายชาญวิทย์ เป็นกรรมการบริหารพรรค พรรคจึงต้องร่วมรับผิดชอบด้วย จึงยื่นขอให้ กกต. ไต่สวนและระงับสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งชั่วคราวหากพบว่ามีมูล และให้เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคพลังประชารัฐ และเพิกถอนสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐทุกคนด้วย

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง