พรรคพลังประชารัฐ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บ้านเกิดเลขาธิการพรรค ที่จ.กาญจนบุรี ชู “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ลั่นถ้าได้เป็นรัฐบาลจะเดินหน้าแก้จน
วันที่ 15 ก.พ. เวลา 17.00 น. ที่ลานจอดรถบริษัทโตโยต้า จ.กาญจนบุรี พรรคพลังประชารัฐ จัดปราศรัยใหญ่และแนะนำผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดกาญจนบุรี โดยมีแกนนำของพรรคสลับสับเปลี่ยนขึ้นเวทีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนายอิทธิพล คุณปลื้ม กรรมการบริหารพรรค นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค นายอนุชา นาคาสัย ประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ซึ่งนายสนธิรัตน์ ได้เข้ากราบและสวมกอดนางนิภา รุ่งโรจน์สนิท มารดาที่เดินทางมาให้กำลังใจด้วย
นายอนุชา ปราศรัยตอนหนึ่งว่า วันนี้อำนาจอยู่ในมือของประชาชน แล้วจะเลือกคนที่มาทำร้ายประเทศอีกหรือไม่ รัฐบาลชุดนี้ทำให้บ้านเมืองสงบมากว่า 5 ปี จึงถือเป็นแสงสว่างของเมืองไทย แสงสว่างที่คนไทยไม่มารบกัน แสงสว่างที่ทำให้คนมีอุดมการณ์เดียวกันมาสร้างเป็นพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะต่อยอดนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชารัฐ ที่เพิ่มคน เพิ่มสิทธิ เพิ่มโอกาส นโยบายด้านการเกษตร ข้าวได้ราคา ชาวนาได้เงินเพิ่ม ค่าปลูก เก็บเกี่ยว 2,000 บาทต่อไร่ จำนวน 20 ไร่ เป็นต้น ดังนั้นขอให้คนกาญจนบุรี เลือกพรรคพลังประชารัฐเป็น ส.ส.ทั้ง 5 เขต
ด้าน นายกอบศักดิ์ ปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐ มีพล.อ.ประยุทธ์ บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคซึ่งโพลยกให้เป็นเบอร์ 1 มีผู้สมัครที่คัดเลือกมาอย่างดีถึง 5 เขตในจังหวัดกาญจนบุรี เข้าถึงพึ่งได้ ดังนั้นหากประชาชนมีปัญหาสามารถไปหาได้ทุกคน ที่สำคัญนโยบายของพลังประชารัฐ ไม่แพ้ใครและดีกว่าทุกคน เพราะเป็นนโยบายที่ได้กลั่นกรองจากประชาชน พรรคนี้ไม่มีเจ้าของ ไม่มีคนคิดให้แล้วไปทำตาม ไม่ว่าจะเป็นบัตรประชารัฐ ที่ดิน สปก.4.0.สามารถโอนสิทธิ์ ทำประโยชน์ได้มากขึ้น แต่ไม่ตกไปอยู่ในมือของนายทุน รวมถึงการแก้ปัญหาที่ดิน ภทบ. 5 ที่กำลังมีปัญหาในขณะนี้ จัดการหนี้นอกระบบต่อไป นโยบายพักหนี้กองทุนหมู่บ้าน 3 ปี ฟื้นฟู เพิ่มทุน นโยบายแก้ปัญหาราคาข้าว เพิ่มค่าปลูก ค่าเก็บเกี่ยว 2,000 บาทต่อไร่ จำนวน 20 ไร่ และจะทยอยเปิดนโยบายเกี่ยวกับพืชอื่นๆเพิ่มเติม นโยบายมารดาประชารัฐ ช่วยแม่ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนกระทั่งคลอด คลอดแล้วดูแลระหว่าง 0-6 ปี อย่างไรก็ตามมั่นใจว่า วันที่ 24 มี.ค.นี้พรรคพลังประชารัฐจะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
ขณะที่ นายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า เป็นวันที่ภูมิใจ ที่อาสามาทำงานให้บ้านเมือง ขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่เปิดปราศรัยใหญ่ครั้งแรก ที่จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเอง ภูมิใจที่เกิดเป็นคนกาญจนบุรี เพราะเป็นเมืองที่ปกป้องราชธานีมาแต่โบราณ วันนี้มาปราศรัย คุณแม่ซึ่งอายุ 89 ปี ขอมาฟังปราศรัยด้วย จึงขอให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจ ตนภูมิใจที่เป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐทำงานต่อสู้จนวันหนึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ คิดโครงการเรื่องบัตรธงฟ้า ร้านธงฟ้า และชะลอขายข้าวจนราคาข้าวหอมมะลิพุ่งไป 17,000 บาท ดังนั้นหากพรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาล จะเพิ่มราคาข้าวให้สูงกว่า 10,000 บาท
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า 10 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยไม่เคยสงบอย่างแท้จริง มีคนอ้างประชาธิปไตย แล้วแบ่งแยกประชาชนให้คนตีกัน โดยอ้างประชาธิปไตยแต่ทำเพื่อใครบางคน เพื่อคนไม่กี่คน พวกผม 4 คน สมัยเป็นรัฐมนตรี เราเห็นความขัดแย้งยังไม่ได้หายไปไหน ณ ตอนนี้ ที่ กทม.ก็มีเวทีของพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่ง ซึ่งตนการันตีว่าเขาต้องด่าพลังประชารัฐ เพราะพรรคเหล่านี้กลัวว่าพรรคพลังประชารัฐจะชนะ กลัวเราจะพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อความขัดแย้งยังมีอยู่ แต่มีพรรคการเมืองให้เลือกเหมือนเดิม ผลการเลือกตั้งก็เหมือนเดิม ประเทศก็กลับไปสู่ที่เดิม การเดินหน้าประเทศไม่มี พรรคพลังประชารัฐจึงอาสาเข้ามาเพื่อพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง วันนี้หัวขบวนเสื้อแดง เสื้อเหลือง กปปส อดีต ส.ส.จากพรรคต่างๆ ก็ก้าวเข้ามาอยู่กับพลังประชารัฐ ดังนั้นวันนี้ตั้งใจมาฝากพรรคพลังประชารัฐแก่คนกาญจนบุรี เพราะเรามีจุดยืนให้ประเทศเดินต่อไม่ยอมให้ประเทศกลับไปสู่จุดเดิม
“พวกผมเป็นรัฐมนตรีชุดแรกที่ลาออกหลังมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ในขณะที่พวกนักการเมืองซึ่งออกมาไล่พวกผมเพียงเพราะต้องการเอาชนะไม่เคยมีแม้แต่คนเดียวที่ลาออกในช่วงเลือกตั้ง พวกผมไม่เคยอาลัยอาวรณ์ตำแหน่ง แต่ลาออกในเวลาที่เหมาะสม”
นายสนธิรัตน์ มั่นใจว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐเป็นรูปธรรม วันนี้การเลือกตั้ง พี่น้องประชาชนต้องเลือก 3 สิ่งคือ เลือก ส.ส. เลือกพรรคที่เป็นทางเลือกประเทศ และเลือกคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคนี้เลือกแล้วว่าบุคคลที่เหมาะสมในสถานการณ์ขณะนี้คือ พล.อ.ประยุทธ์ และการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคเดียวที่พี่น้องยังไม่เคยเลือก ลองเลือกสักครั้งดูว่า จะพาไปสู่ทางออกได้หรือไม่ เพราะหากกลับไปเป็นรัฐบาลได้ ยืนยันจะสร้าง จ.กาญจนบุรีให้รุ่งเรืองเป็นเมืองทอง
