
ประเด็น – “ได้แค่ครั้งละประมาณ 80 บาทแถมยังต้องแบ่งครึ่งหนึ่งให้นายหน้า” แม้เพียงเท่านี้แต่หญิงสาวชาวโรฮีนจาก็ต้องทำ
“โรฮีนจา” ชื่อกลุ่มชาติพันธุ์มุสลิมในเมียนมาที่แม้แต่คนที่ไม่สนใจข่าวต่างประเทศก็คงเคยได้ยินจากข่าวการหนีตายละทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดในรัฐยะไข่ของเมียนมาไปตายเอาดาบหน้าที่บังกลาเทศจากปฏิบัติการทางทหารของกองทัพเมียนมาตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม คาดว่ามีผู้ลี้ภัยสูงถึงกว่า 600,000 คน แน่นอนว่าชีวิตในค่ายผู้ลี้ภัยที่แออัดเต็มไปด้วยความยากลำบากและอดอยาก บีบให้หลายคนต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอดรวมถึงการขายบริการทางเพศ ผู้หญิงหลายคนยังอยู่ในวัยเรียนแต่พวกเธอบอกว่าไม่มีทางเลือก “ฉันโตในค่ายผู้ลี้ภัย ตั้งแต่จำความได้ไม่เคยกินอิ่มเลย” Kamru อายุ 14 ปีไม่ได้เรียนหนังสือเพราะความยากจนและยอมรับว่าขายบริการ
Romida เป็นอีกคนที่ความหิวทำให้ต้องใช้เรือนร่างแลกกับเศษเงิน “ฉันบอกกับตัวเองว่าจะต้องทำได้ทุกอย่างเพราะไม่มีทางเลือก ลูกค้าคนแรกเป็นคนบังกลาเทศที่รู้จักกัน เขาขอมีอะไรกับฉันและฉันก็ยอมเพื่อแลกกับเงิน 1,000 ตากา (ประมาณ 400 บาท) ถือว่าเยอะมากนะคะเพราะทั่วไปได้แค่ครั้งละ 200 ตากา (ประมาณ 80 บาท) แถมยังต้องแบ่งครึ่งหนึ่งให้นายหน้า” เวลานี้ Romida รับลูกค้าสัปดาห์ละ 3 คน เธอไม่อยากเสี่ยงรับแขกมากกว่านี้เพราะกลัวคนในชุมชนจะรู้ “บางทีนายหน้าก็พานั่งรถออกไปไกล 2 ชั่วโมง ฉันต้องโกหกสารพัดทุกครั้งที่ออกจากค่าย”
แม้สหประชาชาติจะระบุว่าไม่ได้รวบรวมข้อมูลตัวเลขคนที่ขายบริการทางเพศในค่ายผู้ลี้ภัยแต่ Noor หญิงชาวโรฮีนจาที่ผันตัวมาเป็นนายหน้าบอกว่า “หลายฝ่ายทำเหมือนมองไม่เห็นเรื่องพวกนี้ เฉพาะใน Katupalong (ค่ายผู้ลี้ภัยใหญ่ที่สุด) มีผู้หญิงโรฮีนจาเป็นโสเภณีอย่างน้อย 500 คน ลูกค้าเป็นคนบังกลาเทศที่อยู่นอกค่าย ไม่ใช่คนโรฮีนจาด้วยกัน ชุมชนเราเข้มงวดมาก ข่าวลือแพร่กระจายเร็วมากด้วย พวกเธอยังอยากให้ตัวเองเป็นสาวบริสุทธิ์ในสายตาของสังคม”
คนบังกลาเทศที่เป็นลูกค้าของพวกเธอมีทุกกลุ่มชนชั้นตั้งแต่นักศึกษามหาวิทยาลัยไปจนถึงนักการเมืองท้องถิ่น และแทบไม่มีลูกค้าคนไหนสวมถุงยางอนามัย Romida ไม่เคยตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ “ฉันฉีดยาคุมกำเนิดแต่ก็กลัวเอดส์เหมือนกัน”
แม้จะมีการจัดตั้งศูนย์พักพิงสำหรับผู้ลี้ภัยหญิงชาวโรฮีนจาที่เป็นเหยื่อข่มขืน เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว รวมถึงหญิงขายบริการทางเพศ แต่คนที่ขายบริการไม่มีใครอยากไปรับบริการ “เรากลัวว่าคนอื่นจะรู้ว่าเราทำอะไร” Kamru เด็กหญิงวัย 14 พูดพลางกระชับผ้าคลุมใบหน้าที่เผยให้เห็นแต่เพียงดวงตา “ฉันต้องถอดผ้านี้ออกเวลาอยู่กับแขก แต่ที่แคมป์ ฉันต้องไม่ให้ใครเห็นใบหน้าที่แท้จริง”
ที่มา ChinadailyAsia









