
รองนายกรัฐมนตรี “ประจิน จั่นตอง” เผย เตรียมส่งข้อมูลการใช้ “กัญชา” ทางการแพทย์ให้ นายกฯ ยืนยันไม่ปล่อยให้ปลูกอิสระ ชี้ไม่ต้องใช้ ม.44 ปลดล็อกกัญชา
วันที่ 19 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการออกกฎหมายเพื่อรองรับเรื่องการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ว่า ประเทศไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติ(ยูเอ็น) มีความร่วมมือกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) และมีกรอบความร่วมมือว่าด้วยความมั่นคงกับอาเซียน 10 ประเทศ โดยยูเอ็นโอดีซีและอาเซียน ไม่ต้องการให้มีการเสพยาเสพติดอย่างถูกกฎหมาย แต่สนับสนุนใช้พืชเสพติดในการรักษาทางการแพทย์และการวิจัย ซึ่งเรามีหน่วยงานวิจัยในการทำเรื่องนี้ แต่จะต้องดูสูตรที่นำไปใช้บำบัดโรค ต้องไม่ทำแบบผิวเผิน มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ชัดเจน มีการทดลองจากสัตว์และมนุษย์ ซึ่งเป็นหลักสากลในการวิจัยยาเพื่อรักษาโรค และเรากำลังพยายามทำให้สูตรที่เราวิจัยเองใช้ประโยชน์ได้จริง มีเภสัชกรหรือองค์กรจับมือกันเพื่อผลิตจริง และจะต้องผ่านกระบวนการของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่วนการรักษาต้องมีสถานพยาบาลและแพทย์เข้ามาเป็นเครือข่ายและผู้ป่วยต้องสมัครใจ
“ผมฝากการบ้านให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ไปทำตามข้อเสนอของหลายฝ่าย รวมถึงข้อเสนอของสมาชิกบางกลุ่มในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมีการทบทวนและตรวจสอบให้ตรงกับขีดความสามารถ การบำบัดรักษาและต้องไม่นอกกรอบความร่วมมือของยูเอ็นโอดีซีและอาเซียน และยังได้รวบรวมรายงานจาก 4 กลุ่มวิจัยครบถ้วนแล้ว รวมถึงได้รับข้อมูลจากต่างประเทศ โดยวันนี้ ป.ป.ส.จะนำเอกสารทางการมาให้ตรวจสอบ หากไม่มีการแก้ไขก็จะนำเรียนนายกรัฐมนตรีได้ภายในวันนี้ เชื่อว่าจะมีข้อมูลครบถ้วน เพื่อให้นายกฯพิจารณาสั่งการ” รองนายกฯ กล่าว

(ภาพประกอบเท่านั้น)
เมื่อถามว่า กัญชาที่จะนำมาใช้จะนำมาจากแหล่งใด พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า กัญชาที่นำมาใช้ได้จะมี 3-4 สายพันธุ์เท่านั้นที่มีสารที่มีประโยชน์ต่อการรักษาโรค จึงต้องดูสายพันธุ์ที่เหมาะสมและมีพื้นที่ควบคุม มีอาคารโรงเรือนในลักษณะปิด มีระบบเรื่องแสงและน้ำที่เหมาะสม มีเจ้าหน้าที่หรือแพทย์ที่เชี่ยวชาญดูเรื่องการเจริญเติบโต ไม่เปิดโอกาสให้มีการปลูกอิสระ เพื่อไม่ให้ขัดกฎเรื่องการใช้สารเสพติดผิดกฎหมาย ดังนั้นคนที่เข้ามาทำเรื่องนี้ จะต้องมีความรู้ ยอมรับกติกา ไม่ปล่อยให้มีการละเมิด จึงจะผลักดันให้มีการจับมือระหว่างผู้วิจัยกับผู้ผลิตได้
พร้อมกันนี้ จะต้องมีคณะทำงานที่ทำงานคู่ขนานกับมาตรการที่จะเสนอให้นายกฯเห็นชอบในหลักการด้วย โดยมาตรการเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้อย่างอิสระเสรี แต่เป็นมาตรการที่สังคมต้องยอมรับ ผู้เกี่ยวข้องทางการแพทย์สามารถปฏิบัติได้ และเป็นที่พอใจของผู้ป่วย ผลทั้งหมดต้องเกิดในภาพรวม 3 ระดับคือ ระดับประเทศ สังคม และกลุ่มผู้ผลิต-ผู้ประกอบการ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปลดล็อกกัญชา พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ยังยึดหลักตามกฎหมายปกติ เช่น การแก้ไขกฎกระทรวงสาธารณสุข แก้ไขระเบียบกระทรวงสาธารณสุขเพิ่มเติม ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ …) พ.ศ. … ที่ยังอยู่ใน สนช. หรือมีกฎหมายที่ดึงเฉพาะบางมาตราออกมาใช้เป็นพระราชกำหนด(พ.ร.ก.) หรือพระราชกฤษฎีกา(พ.ร.ฎ.) เป็นหลักก่อน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง









