
คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย เปิดเผย ผลการวิจัยปัญหาการเลือกตั้ง “ระบบจัดสรรปันส่วนผสมตามรัฐธรรมนูญ 2560” พบปัญหาเกิดจากระบบการเลือกตั้งที่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของ กกต.
วันที่ 26 ก.ย.2562 ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ และรองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะหัวหน้าคณะผู้วิจัย แถลงผลการวิจัยเรื่อง “ปัญหาของระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสมตามรัฐธรรมนูญ 2560 และปัญหาการตัดการเลือกตั้ง:ศึกษาจากการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562” โดยผลการวิจัยพบว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีปัญหามากที่สุด เพราะต้นตอจากระบบการเลือกตั้ง โดยแบ่งสรุปปัญหาหลัก ดังนี้
ปัญหาระบบการเลือกตั้ง “จัดสรรปันส่วนผสม” ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มีปัญหาความยุ่งยากในการคำนวณจำนวน ส.ส ซึ่งวิธีการคำนวณในมาตรา 91 สามารถตีความได้มากกว่า1วิธี ซึ่ง กกต.ไม่มีการประกาศวิธีคำนวณให้ชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง ทำให้เกิดความยุ่งยาก ประชาชนขาดความเชื่อถือคณะกรรมการการเลือกตั้ง วิธีนี้ทำให้ประชาชนไม่สามารถเลือกผู้สมัครแบบแบ่งเขตกับแบบบัญชีรายชื่อต่างพรรคได้ เกิดความขัดแย้งในพรรคระหว่างผู้สมัครแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ เพราะผู้สมัครแบบแบ่งเขตต้องหาเสียงเหน็ดเหนื่อย ขณะที่เหมือนหาเสียงให้ ส.ส บัญชีรายชื่อมากกว่า แล้วแบ่งเขตสอบตก

ปัญหาจำนวนผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตมากเกินไป เพราะพรรคการเมืองส่งผู้สมัครให้มากที่สุดโดยไม่หวังชนะ แต่หวังคะแนนมาให้หัวหน้าพรรคซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อ ปัญหาผู้สมัครแบบแบ่งเขตพรรคเดียวแต่มีหลายหมายเลข ทำให้ผู้ใช้สิทธิ์เกิดความสับสน เพราะบัตรเลือกตั้งไม่มีชื่อผู้สมัคร มีแต่หมายเลข และจำกัดสิทธิ์ให้เลือกเฉพาะหมายเลขเดียว
ปัญหาความเสถียรภาพทางการเมือง ที่มี ส.ส.คนเดียวในพรรคสูงถึง 13 พรรค
ปัญหาการซื้อเสียงกลับมา โดยวิธีการหัวคะแนนทำการวบรวมรายชื่อไปขอเงินพรรค ซื้อเสียงเฉลี่ยหัวละ 700-1,000 บาท และหัวคะแนนจะหักค่าหัวคิว
ปัญหาการจัดการเลือกตั้ง ที่สร้างความสับสนตั้งแต่บัตรเลือกตั้งที่มีตัวเลขขนาดเล็ก ดูยากทำให้ประชาชนกากบาทลงช่องหมายเลข ปัญหาการแบ่งเขตเลือกตั้งเหลือ 350 เขตโดยไม่ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นทำให้เกิดความไม่สะดวกในหลายพื้นที่ การขยายเวลาปิดหีบเลือกตั้งและลดจำนวนกรรมการประจำหน่วย ทำให้กระบวนการนับคะแนนมีความยุ่งยาก เกิดปัญหามากกว่าประโยชน์
ปัญหาการเลือกตั้งล่วงหน้า เกิดความผิดพลาดในการส่งบัตรเลือกตั้งผู้มาใช้สิทธิไม่ตรงเขตของตนเอง ควรยกเลิกการรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการ
ปัญหาเรื่องโครงสร้างและบุคคลากรในการจัดการเลือกตั้ง ที่ได้ยกเลิก กกต.จังหวัด แล้วตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้งที่ส่วนใหญ่ไม่มีความรู้ไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องกฎหมายและกฎระเบียบเลือกตั้ง
รวมถึงปัญหาการรับรู้ความเข้าใจ ซึ่งผู้ใช้สิทธิ์กว่าร้อยละ 70 ไม่เข้าใจระบบการเลือกตั้ง เพราะมีความซับซ้อนเข้าใจยาก

ขณะที่นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงถึงประเด็นปัญหาสูตรคำนวนจำนวนส.ส. ว่าทางกกต.ต้องปฏิบัติตามกฎหมายไม่อาจปฏิบัติตามสูตรคณิศาสตร์ได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และพรป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 128,129 ได้กำหนดวิธีคำนวนรายมาตรา ยอมรับขาดการสร้างความเข้าใจกับสาธารณชนน้อยไป ส่วนปัญหาการประกาศผลการเลือกตั้ง ทางกกต.ยึดตามพรป.ว่าด้วยการเลือก ส.ส.มาตรา 127 ที่กำหนดให้ กกต.ต้องประกาศคะแนนบริสุทธิ์เที่ยงธรรม ซึ่งกฎหมายให้เวลา กกต.ทำการตรวจสอบเสียงคัดค้านการเลือกตั้ง 30 วัน ดังนั้นจึงยังไม่สามารถรับรองผลได้ แต่ทั้งนี้ กกต. ประกาศผลในกรอบ 60 วัน









