บันทึกจากโอกาสที่ได้อยู่กับญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ 3 วัน มี 3 เรื่องที่อยากพูดถึงเกี่ยวกับญาญ่า
1) การเป็นดาราไม่ใช่งานง่าย โดยเฉพาะการเป็นดาราคุณภาพ
ผู้เขียนติดตามวงการบันเทิงและดูละครน้อย จึงได้ศึกษาญาญ่าในคนทำงานคนหนึ่ง โดยในเวลาเดียวกันก็ได้เรียนรู้ว่าการเป็นดารามันไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ทริปนี้เป็นครั้งแรกที่ผู้เขียนได้เห็นการทำงานของดาราหนึ่งคนแบบเต็มเวอร์ชั่น ได้ประจักษ์ว่าบ่อยครั้งผู้เขียนงานเสร็จ ได้พักผ่อนแล้ว แต่งานของญาญ่ายังไม่จบ
ตลอดทริปงานของญาญ่ายากกว่าและใช้เวลานานกว่า ได้เห็นว่าดาราหนึ่งคนต้องมีทีมงานและคนสนับสนุนหลายคน และทุกคนที่ทำงานกับญาญ่าจะเรียกญาญ่าว่า “พี่ญ่า” เมื่อจบ 3 วัน ผู้เขียนก็เรียกพี่ญ่าตามไปด้วย เพราะญาญ่ามีความเป็นผู้นำสูง ระหว่างที่ต้องทำงานก็ยังทำหน้าที่เป็นผู้นำกลุ่ม เมื่อมีคนมาให้ความรู้ จะเป็นพี่ญ่าที่เอ่ยปากเรียกทุกคนมารวมกลุ่มคอยฟัง ทำหน้าที่เหมือนหัวหน้าห้อง ที่สมาชิกในห้องให้ความเคารพอย่างแท้จริง
ญาญ่าเป็นลูกครึ่งไทย-นอร์เวย์ แต่ Maturity หรือการมีวุฒิภาวะไม่ได้ยึดติดกับคุณค่าตะวันตกหรือตะวันออก มันเป็นสิ่งที่ทุกคนมีได้ การได้เห็นญาญ่าทำงาน 3 วัน เห็นถึงความตรงต่อเวลา การเป็นมืออาชีพ การทำงานร่วมกับผู้อื่น ทั้งหมดสะท้อนความเป็นดาราคุณภาพของพี่ญ่า

2) ความเป็นไทย ความนอร์ดิก ความเป็น Global Citizen
ญาญ่ามีความอ่อนน้อมถ่อมตนสูงมาก ยกมือไหว้เราทุกเช้าก่อนออกไปทำงาน ก่อนเริ่มสัมภาษณ์ ดูแลคุณน้าพาขึ้นเขา ลงเรือ เป็นพี่สาว เป็นลูก เป็นหลานที่ดี – นี่คือแง่งามจากความเป็นไทย ในเวลาเดียวกันคุณค่าแบบชาวตะวันตกก็ยังคงมี
ญาญ่าพร้อมแสดงความเห็น พร้อมมีจุดยืนของตนเอง พร้อมพูดในเรื่องที่ไม่เห็นด้วย มีครั้งหนึ่งเราคุยกันถึงเรื่อง Bunad (ชุดประจำชาตินอร์เวย์) มีจังหวะที่คุยกันว่าสาเหตุที่วัยรุ่นกลับมาใส่ชุด Bunad กันเยอะๆ เป็นเพราะมันทำยาก วัยรุ่นก็อยากแหวก เอาเท่ และเอากลับมาใส่เอง นั่นคือจังหวะที่เราได้เห็นญาญ่าแสดงความคิดเห็นของตนเอง
“I will have to disagree with you” ญาญ่าพูดขึ้นมาก่อนแสดงความเห็น “ตอนเด็กๆ ญาญ่าก็ไม่ค่อยชอบใส่ชุด Bunad ค่ะ แต่ยิ่งเวลาผ่านมายิ่งนาน หลายอย่างในโลกมันฉาบฉวยและเปลี่ยนไปไวมาก การได้ใส่ชุดประจำชาติมันทำให้ญ่าได้นึกถึงคุณย่า นึกถึงที่บ้าน แล้วมันมีคุณค่าทางจิตใจมากๆ เลยค่ะ ฉะนั้นมันไม่ใช่แค่เป็นเพราะวัยรุ่นอยากแหวกแนวแน่นอนค่ะ”
นอกจากกล้าถาม กล้าตอบแล้ว ญาญ่าก็มีอารมณ์ขัน กล้าโต้ตอบ หลังจากเราไปปีนเขาตากแดดมาทั้งวัน ญาญ่าบอกว่าเริ่มมีกระขึ้น ก่อนจะมองมาที่หน้ากับผู้เขียน ยิ้มให้แล้วบอกว่า “พี่ก็ควรจะเริ่มดูแลกระนะคะ” การได้เห็นวิธีการวางตัวของญาญ่า ยืนยันได้ว่าความอ่อนน้อมถ่อมตนแบบไทยๆ สามารถไปกันได้กับการเป็นตัวของตัวเอง สองคุณค่า ของสองโลกตะวันตก-ตะวันออก อยู่ร่วมกันได้ ไม่ได้ขัดแย้งกัน

3) Yaya – The Best of Both Worlds
เราได้คุยกันและเห็นตรงกันว่าญาญ่าได้ด้านดีของโลกสองด้านมาอยู่ในตัวญาญ่า เป็น The Best of Both Worlds ที่แท้จริง แม้ว่าไทยกับนอร์เวย์จะแตกต่างกันมากในแทบทุกด้าน แต่มีสองสามอย่างที่เหมือนกันหนึ่งในนั้นคือการให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว ญาญ่าเรียนโรงเรียนนานาชาติ แต่เจ้าตัวยังคงใกล้ชิดกับครอบครัว ทำกิจกรรมบ้านเกิดทุกปี
ญาญ่าน้ำตาคลอคิดถึงคุณย่า หลังจากเราทานข้าวกลางวันในบ้านของชาวนอร์เวย์กันเสร็จ ด้วยความอบอุ่นของเจ้าบ้านที่ทำอาหารต้อนรับเราอย่างดี คนนอร์เวย์มีอินเนอร์คล้ายคนไทย ในเรื่องการพร้อมต้อนรับแขกเข้าบ้าน หุงหาอาหารปิ้งปลาให้ ภาพเหล่านี้ทำให้ญาญ่านึกถึงตอนเป็นเด็กและอดไม่ได้ที่น้ำตาจะไหลออกมา
ครอบครัวนอร์ดิกจะเลี้ยงลูกให้เติบโต และประคับประคองให้ลูกมีทักษะชีวิตที่ดี มีวิชาชีพที่อยากทำ อยากเป็น ให้ลูกมีอิสระทางความคิดแต่เป็นอิสระบนพื้นฐานที่ไม่ก้าวร้าว อีกคุณสมบัติที่คนไทยและนอร์เวย์เหมือนกันคือการประนีประนอม หลีกเลี่ยงการปะทะ
แต่คนนอร์เวย์จะสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาเมื่อมีปัญหา มีโมเมนท์ที่ผู้เขียนชอบที่สุดจังหวะหนึ่ง คือตอนที่คณะของเราให้ของที่ระลึกเพื่อขอบคุณทูเน่ เรอร์ทเว็ท โฮสต์ที่เลี้ยงมื้อเที่ยงเรา ญาญ่ายกมืออาสาช่วยอธิบายที่มาที่ไปถึงของที่ระลึกจากไทย
ผู้เขียนชอบจังหวะนี้เพราะสะท้อนข้อดี 3 ข้อของญาญ่าที่ได้พูดถึงวันนี้
ความรู้ ความกล้าหาญ และความเป็นคนคุณภาพของพี่ญ่า
เขียนโดยเอม-นภพัฒน์จักษ์ อัตตนนท์
บรรณาธิการบริหาร workpointTODAY










