โฆษกพรรคอนาคตใหม่ พร้อมชี้แจงภาพถ่ายในอดีต ยอมรับมองย้อนกลับไปภาพมีความไม่เหมาะสม พร้อมขออภัยหากภาพนี้จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ ระบุขณะนี้ตำรวจยังไม่มีการเรียกไปรับทราบข้อความกล่าวหา
พรรณิการ์ วานิช / ทีโอที
ที่หอประชุมใหญ่ทีโอที วันที่ 19 มิ.ย. ช่อ พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงภาพในอดีตว่า การจะพาดพิงไปถึงสถาบันหรือไม่ คงแล้วแต่การตีความ ยอมรับว่าเมื่อมองย้อนกลับไปภาพมีความไม่เหมาะสม และอาจจะก่อให้เกิดความไม่สบายใจ เนื่องจากการตีความเป็นสิทธิของแต่ละบุคคล ก็ต้องขออภัยอีกครั้งหนึ่ง หากภาพนี้จะทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ
ตนเองก็ไม่สบายใจอย่างยิ่งที่ภาพนี้ได้ก่อให้เกิดบทสนทนาที่ไม่สร้างสรรค์ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย มีการใช้วาทะสร้างความเกลียดชัง มีการพูดคุยที่นำไปสู่บทสนทนาที่ไม่ได้เป็นผลดีกับฝ่ายไหนเลย เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เราไม่สบายใจ และขอโทษที่ทำให้มีบทสนทนาที่ไม่สร้างสรรค์เกิดขึ้นในสังคมในยุคที่บ้านเมืองต้องการเดินไปข้างหน้า
ส่วนที่มีผู้ไปแจ้งความดำเนินคดี น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า กระบวนการทางกฎหมายคงเป็นไปตามขั้นตอน จนถึงขณะนี้ตนเองยังไม่ได้รับแจ้งจากตำรวจว่า เป็นการแจ้งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่ อย่างไรก็ตามต้องรอทางตำรวจแจ้งมาอย่างเป็นทางการ ขณะนี้ยังไม่สามารถชี้แจงอะไรได้ เพราะยังไม่ได้รับแจ้งมา รวมทั้งยังไม่ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายกฎหมายของพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า พร้อมชี้แจงหรือไม่ น.ส.พรรณิการ์ ตอบว่า “พร้อมชี้แจงค่ะ” และยืนยันพรรคอนาคตใหม่มีจุดยืนเคารพสถาบันพระมหากษัตริย์ มุ่งเดินหน้าทำงานการเมือง ไม่ต้องการสร้างความขัดแย้ง
“การที่เราโพสต์อะไรในเฟซบุ๊ก เป็นความรับผิดชอบของเราอยู่แล้ว ในสมัยที่เรายังเด็กกว่านี้ เราก็มีความคิดที่อาจจะเข้มข้น หรือว่ามีความรุนแรงมากกว่านี้ เวลาผ่านไปความคิดของเรา การเดินทางทางความคิดก็เปลี่ยนไป ซึ่งช่อคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ทุกคนย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว เชื่อว่า ความคิดของเราก็แตกต่างไปจากความคิดของเราในปัจจุบันนี้ค่อนข้างเยอะ
แต่ถามว่า ช่อเสียใจไหมที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ก็คงจะเสียใจอย่างที่บอกไปว่า ทำให้เพื่อนเดือดร้อน คนอื่นเดือดร้อน คุณพ่อเดือดร้อน แต่ว่าถ้าย้อนกลับไปแก้ไขได้ จะแก้ไขอะไรไหม คิดว่าอดีตเป็นเรื่องของอดีต ปัจจุบันเป็นเรื่องของปัจจุบัน… การตัดสินใจกันในเรื่องของปัจจุบัน คือสิ่งที่วิญญูชนทำกัน…” น.ส.พรรณิการ์ กล่าวช่วงหนึ่ง
