“ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหืดเทียบเท่ากับสหรัฐอเมริกา ทั้งที่มีประชากรน้อยกว่า 5 เท่า ในฐานะนายกสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย และหัวหน้าสาขาวิชาโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คำพูดของ รศ.นพ.ฮิโรชิ จันทาภากุล ตอกย้ำความน่ากังวลต่อ ‘โรคหืดรุนแรง’ รวมถึง โรคจมูกอักเสบเรื้อรัง ได้เป็นอย่างดี
โรคหืดรุนแรง ไม่ใช่แค่ไอ
ตามข้อมูล นี่เป็นภัยเงียบที่กระทบคุณภาพชีวิต และในบางกรณีก็อาจถึงขั้นคร่าชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันเวลา ทั่วโลกมีผู้ป่วยโรคหืด มากกว่า 300 ล้านคน ขณะที่ในประเทศไทย มีผู้เสียชีวิตจากโรคหืดมากถึง 4,000 รายต่อปี
ทั้งนี้ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยต้องเข้าห้องฉุกเฉิน ปัจจัยเสี่ยง เช่น ฝุ่น PM 2.5 ที่เราสัมผัสกันทุกวัน ยิ่งทำให้อาการกำเริบง่ายขึ้น ทั้งในผู้ที่เป็นหืดอยู่แล้ว และผู้ที่มีปัญหาไซนัสหรือจมูกอักเสบเรื้อรัง “โรคหืดรุนแรงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่ถูกมองข้าม” นพ.ฮิโรชิ ย้ำ

รศ.นพ.ฮิโรชิ จันทาภากุล
“ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิต จากโรคหืดเทียบเท่ากับสหรัฐอเมริกา ทั้งที่มีประชากรน้อยกว่า 5 เท่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่น ถึงวัยเริ่มทำงาน ผู้ป่วยโรคหืดรุนแรง มักไม่รู้ตัวเมื่ออาการกำเริบ ปัญหาหลักคือไม่สามารถเข้าถึงยาได้ และขาดความต่อเนื่องในการใช้ยาป้องกัน”
ทั้งนี้ นพ.ฮิโรชิ ยังชี้ว่า การเบิกจ่ายยาที่ยังไม่ครอบคลุม สมาคมฯ จึงผลักดันแนวทางการรักษาโรคหืดรุนแรงให้เป็นมาตรฐาน เพื่อให้รัฐอนุมัติการจ่ายยาอย่างทั่วถึง ให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ขณะที่ รศ.นพ.ศิวศักดิ์ จุทอง จากภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ยังไขข้อสงสัยอีกอย่างที่ว่า โรคหืด หรือที่คุ้นชินกันว่า ‘โรคหอบหืด’ ไม่ได้มีแค่การเหนื่อย และไอ
“โรคหืดรุนแรง พบในผู้ป่วยโรคหืดประมาณ 3–10% มีอาการไอ หอบ เหนื่อยง่าย ยาสูดพ่นมาตรฐานรักษาโรคหืด อาจไม่เพียงพอ สำหรับการรักษาโรคหืดรุนแรง และมีอาการฉุกเฉินบ่อยเกิน 2 ครั้งต่อปี เช่น ต้องเข้าห้องฉุกเฉิน หรือนอนโรงพยาบาล ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันและเสี่ยงเสียชีวิตได้”
นพ.ศิวศักดิ์ อธิบายต่อว่า การใช้ยาพ่นทั่วไปอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์เฉพาะทาง เช่น แพทย์โรคทางเดินหายใจหรือภูมิแพ้ เพื่อประเมินการรักษาด้วยทางเลือกอื่น เช่น ยาชีววัตถุ

รศ.นพ.ศิวศักดิ์ จุทอง
‘จมูกอักเสบเรื้อรัง’ ไม่ใช้แค่ภูมิแพ้
อีกหนึ่งโรคที่มักถูกมองว่าเป็นแค่ ‘ภูมิแพ้’ แต่สามารถรุนแรงได้ ไม่น้อยไปกว่าเบาหวาน หรือความดัน คือ “โรคจมูกอักเสบเรื้อรัง”
รศ.ดร.นพ.พงศกร ตันติลีปิกร หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อความเป็นเลิศด้านภูมิแพ้และวิทยาภูมิคุ้มกัน และ อาจารย์ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล อธิบายไว้ว่า โรคจมูกอักเสบเรื้อรัง เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการหายใจ และคุณภาพชีวิตอย่างมาก
“ผู้ป่วยจะมีอาการจมูกอักเสบ แล้วลามไปที่โพรงไซนัส บางรายเกิดเป็นโพรงไซนัสอักเสบที่มีริดสีดวงจมูก ทำให้มีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหล มูกลงคอ รับกลิ่นผิดปกติ นอนกรน หรือหยุดหายใจขณะหลับ บางรายมีหอบหืดที่ควบคุมไม่ได้ กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน”
โดยการรักษาเป็นมาตรฐาน คือ ใช้ยาพ่นจมูกสเตียรอยด์ ร่วมกับน้ำเกลือ หากริดสีดวงมีขนาดใหญ่ อาจต้องผ่าตัดร่วมด้วย และหากอาการยังไม่ดีขึ้น ปัจจุบันมียาชีววัตถุ แนะนำให้พบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการดูแลอย่างเหมาะสม

รศ.ดร.นพ.พงศกร ตันติลีปิกร
หืด–จมูกอักเสบ โรคร่วมที่ต้องรักษาควบคู่กัน
สำหรับ โรคหืดรุนแรงและโรคจมูกอักเสบเรื้อรัง ไม่ใช่โรคที่อยู่แยกกันอย่างที่ใครหลายคนคิด ข้อมูลชี้ว่า 80% ของผู้ป่วยโรคหืด มีอาการจมูกอักเสบร่วมด้วย โดยสองโรคดังกล่าว ไม่ใช่โรคที่อยู่แยกกันอย่างที่ใครหลายคนคิด ข้อมูลชี้ว่า 80% ของผู้ป่วยโรคหืด มีอาการจมูกอักเสบร่วมด้วย และ 10–40% ของผู้ที่เป็นจมูกอักเสบก็เป็นหอบหืดร่วมด้วยเช่นกัน หากปล่อยไว้โดยไม่วินิจฉัย และรักษาอย่างถูกวิธี อาจทำให้การหายใจแย่ลง รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ยิ่งกว่านั้น โรคหืดและโรคจมูกอักเสบเรื้อรัง อาจมีผลกระทบต่อชีวิตมากกว่าที่หลายคนคิด หากมีอาการไอ หอบ เหนื่อยง่ายผิดปกติ ควบคุมอาการได้ไม่เต็มที่ หรือมีอาการคัดจมูกเรื้อรัง รับกลิ่นผิดปกติ หรือมีริดสีดวงจมูก ควรเข้าพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อหาสาเหตุและพิจารณาวิธีดูแลเพิ่มเติม การได้รับการดูแลตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้การหายใจดีขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม










