ภาระกิจผู้ว่าฯ กทม.เช้านี้ หารือ บก.จร.แก้ปัญหาการจราจรใน กทม.ได้ข้อสรุป 5 แนวทาง เตรียมลงพื้นที่จริง เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุดสัปดาห์หน้า

วันนี้ (8 มิ.ย. 2565) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ออกจากบ้านตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อหารือร่วมกับกองบังคับการตำรวจจราจร (บก.02) ติดตามดูสถานการณ์ ปัญหา และศักยภาพของกล้องวงจรปิด ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร โดยมีพล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้างานจราจร และพล.ต.ต สุวิชชา จินดาคำ ผบก.จร ชี้แจงข้อมูลและกระบวนการทำงานของตำรวจจราจร
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่ออกจากบ้านแต่เช้าเพราะอยากเห็นสภาพการจราจรที่แท้จริงในช่วงเวลาเร่งด่วน เรื่องการจราจรมีเสียงบ่นของคนกรุงเทพฯ กลับมาอีกครั้ง เนื่องจากโรงเรียนเปิดเทอมเต็มรูปแบบแล้วและบางวันมีฝนตกในช่วงเย็น ยิ่งทำให้รถติดหนักขึ้น วันนี้พูดคุยกันได้ 5 ข้อสรุป คือ
1. ต้องมีความร่วมมือจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 30 หน่วยงาน อาทิ กรุงเทพฯ, ตำรวจจราจร , กระทรวงคมนาคม, ขสมก., รถไฟฟ้า และทางด่วน ต้องให้ความร่วมมือกัน กทม.จะทำฝ่ายเดียวไม่ได้
2. ตั้งศูนย์บัญชาการขึ้นมาเพิ่ม ให้มีเจ้าหน้าที่กรุงเทพฯ เข้ามานั่งทำงานด้วย เช่น จัดเพิ่มเจ้าหน้าที่เทศกิจ ลงพื้นที่กวดขันวินัยจราจร ร่วมกับตำรวจจราจร เพื่อแก้ปัญหาแต่ละจุดได้อย่างเร่งด่วน โดยทางกรุงเทพมหานครจะรับผิดชอบในงานของการทำแผนที่จุดเสี่ยง รถติดซ้ำซาก และสรุปผลทุกเดือน คาดว่า เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สามารถทำได้เลย
3. เรื่องเทคโนโลยี อย่างกล้อง CCTV ซึ่งตอนนี้มีอยู่ประมาณ 50,000 ตัว จะต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยจะเพิ่มระบบที่มีภาพรวมการจราจรของทั้งกรุงเทพฯ เพื่อให้ประชาชนค้นดูได้ ใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจในการเลือกใช้เส้นทางของประชาชน เลี่ยงรถติด
4. เพิ่มความปลอดภัย เรื่องการใช้รถ ใช้ถนน เช่น เรื่องทางม้าลาย และจัดทำข้อกำหนดจำกัดความเร็ว ซึ่งกรุงเทพฯ มีอำนาจ โดยดูแต่ละพื้นที่พื้นที่โรงเรียนพื้นที่ชุมชน จุดเกิดอุบัติเหตุบ่อย ทำป้ายจำกัดความเร็วบนถนน
5. หาแนวทางจัดการช่วยให้ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มช่องทางรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ หรือวิธีอื่นๆ ให้มีความเหมาะสม
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ปัญหาการจราจรถือเป็นปัญหาหลักเร่งด่วนของคนกรุงเทพฯ ซึ่งการแก้ไขอาจไม่สามารถทำได้ในทันที แค่จะต้องทำให้ปัญหาคลี่คลายลง แนวทางหนึ่งคือการให้คนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะในการเดินทาง ซึ่งจะต้องมาแก้ไขระบบขนส่งสาธารณะให้ตอบโจทย์ทุกการเดินทางของทุกคน แต่สิ่งสำคัญคือ ประชาชน ผู้ใช้รถ ใช้ถนนก็ต้องให้ความร่วมมือในการจำกัดความเร็ว ไม่จอดในที่ห้ามจอด หากมีการตักเตือนแล้วยังทำผิดอีกจะใช้วิธีการไม่ต่อทะเบียนให้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำซาก และสิ่งที่จะทำควบคู่ไปกับการแก้ปัญหารถติด คือ เร่งพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เรื่องราคา และการให้บริการ เพื่อดึงประชาชนมาเดินทางมาใช้ขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น และสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่จริง จุดที่รถติดซ้ำซากเพื่อได้แก้ไขปัญหาตรงจุด











