ท่องเที่ยวญี่ปุ่นวิกฤต หลังจีนส่งสัญญาณแช่แข็งข้ามปี และหันไปท่องเที่ยวจุดหมายใหม่ ‘เกาหลีใต้-อาเซียน’

ท่องเที่ยวญี่ปุ่นวิกฤต หลังจีนส่งสัญญาณแช่แข็งข้ามปี และหันไปท่องเที่ยวจุดหมายใหม่ ‘เกาหลีใต้-อาเซียน’

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่าระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน ถึง 31 ธันวาคม 2025 จำนวนเที่ยวบินที่ถูกยกเลิกจากประเทศจีนไปญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นกว่า 56% แล้วยังมีทีท่าที่จะยกเลิกต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า นักวิเคราะห์ Bloomberg ประเมินว่าการท่องเที่ยวในญี่ปุ่นจากกลุ่มคนจีนอาจจะชะลอตัวลากยาวไปถึงเดือนมีนาคม 2026 ในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ความโกรธแค้นของรัฐบาลจีนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ นายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่น ส่งสัญญาณว่าพยายามแทรกแซงด้วยท่าทีและจุดยืนทางการเมืองที่แข็งกร้าวกว่ารัฐบาลญี่ปุ่นยุคที่ผ่านมา ในประเด็นข้อพิพาทไต้หวัน ซึ่งจีนมองว่าเป็นการข้ามเส้นการปกครองประเทศของตน

[ จีนเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดที่มาท่องเที่ยวในญี่ปุ่น 8.2 ล้านคนปี 2025 ]

ตามสถิติการท่องเที่ยวพบว่า ‘จีน’ เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นตลอดปี 2025 โดยมีจำนานมากถึง 8.2 ล้านคน ตามด้วยนักท่องเที่ยวเกาหลีใต้ 7.7 ล้านคน และ ไต้หวัน 5.6 ล้านคน เป็นอันดับ 3 ส่วนคนไทยอยู่เป็นอันดับ 6 มีจำนวนที่ 941,700 คน

จากเดิมที่นักวิเคราะห์หลายคนคิดว่า เดือนธันวาคมน่าจะเป็นปีทองของญี่ปุ่นเรื่องการท่องเที่ยวเพราะค่าเงินเยนที่อ่อนลงน่าจะดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไม่ยาก

ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่สุดมานาน มักจะวางแผนข้ามปีตั้งแต่ช่วง พฤศจิกายนหรือธันวาคม โดยจะบุกกิ้งที่พัก ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวล่วงหน้า จนไปถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนทุกปี

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจาก AeroRoutes ซึ่งเป็นฐานข้อมูลตารางบินเผยว่า ขณะที่มีเที่ยวบินจากจีนไปญี่ปุ่น โดยเฉพาะซัปโปโรและโอซากา ถูกยกเลิกมากกว่า 1,900 เที่ยวบินแล้ว

นอกจากนี้เที่ยวบินจากจีนไปญี่ปุ่น เฉพาะในเดือนธันวาคมถูกยกเลิกไปกว่า 40% โดยผลสำรวจในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของจีนมีหลายคนที่กำลังลังเลว่าจะยกเลิกหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ตั้งใจจะยกเลิกทริปญี่ปุ่นก่อนเทศกาลปีใหม่ช่วงสิ้นปี

นอกจากนี้ Bloomberg รายงานอีกว่า รัฐบาลจีนได้สั่งให้สายการบินต่างๆ ลดจำนวนเที่ยวบินมายังญี่ปุ่นจนถึงเดือนมีนาคม 2569 ขณะเดียวกันหลายๆ สายการบินจีนเสนอการยกเลิกเที่ยวบินไปญี่ปุ่น ‘ฟรี’ ทั้งยังปิดเส้นทางบินชั่วคราว ไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2025

ประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นหลังที่มีความขัดแย้งกับจีน คาดว่าอาจสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนมากถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงสิ้นปี

นอกจากภาคสายการบินที่ได้รับความเสียหาย โรงแรมในญี่ปุ่นหลายแห่งก็กำลังตกที่นั่งลำบากไม่ต่างกัน เช่น โรงแรมอิมพีเรียล กรุงโตเกียว ที่เผยกับ Global Times ว่าหลายๆ งานที่เป็นงานเลี้ยงบริษัท, กลุ่มองค์กรที่จะเดินทางมาที่ญี่ปุ่น และจีนเป็นเจ้าภาพนั้นเริ่มเห็นทั้งการเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด รวมไปถึงการยกเลิกบางส่วนแล้ว

[ ถ้าไม่ใช่จีน ญี่ปุ่นหวังพึ่งนักท่องเที่ยวจากที่ไหนได้บ้าง? ]

แม้ว่านักท่องเที่ยวจีนจะเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น แต่ในลิสต์ Top 10 ยังมีอีกหลายประเทศที่น่าสนใจ และอาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสดใสของญี่ปุ่นได้บ้าง มาดูกลุ่มประเทศที่เดินทางมาญี่ปุ่นมากสุด 10 อันดับแรกในปี 2025

  1. จีน 8.2 ล้านคน

  2. เกาหลีใต้ 7.7 ล้านคน

  3. ไต้หวัน 5.6 ล้านคน

  4. สหรัฐอเมริกา 2.7 ล้านคน

  5. ฮ่องกง 2 ล้านคน

  6. ไทย 941,700 คน

  7. ออสเตรเลีย 851,500 คน

  8. ฟิลิปปินส์ 677,500 คน

  9. เวียดนาม 583,000 คน

  10. แคนาดา 568,300 คน

[ เกาหลีใต้-อาเซียน คนจีนกลับมาปักหมุดใหม่อีกครั้ง ]

ข้อมูลจาก KReasech (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย) ที่เผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นระหว่างจีน-ญี่ปุ่น กำลังทำให้ประเทศอื่นใกล้เคียง กลายเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของกลุ่มคนจีนในช่วงสิ้นปี และเทศกาลวันตรุษจีนในเดือนมีนาคมด้วย

‘เกาหลีใต้’ น่าจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากความขัดแย้งนี้ โดยสายการบินเกาหลีพยายามเพิ่มเส้นทางบินไปยังจีน ซึ่งทำกำไรได้มากกว่าเส้นทางบินไปยังญี่ปุ่น เช่น สายการบินโคเรียนแอร์ไลน์ ที่ได้เพิ่มเส้นทางบินอินชอน-ฝูโจว จาก 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์

ส่วน Asiana Airlines ตั้งเป้าให้บริการเที่ยวบินไปยังจีน 165 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ภายในเดือนมีนาคม มองว่าเป็นเส้นทางบินที่มีศักยภาพและน่าจะสร้างการเติบโตทางธุรกิจได้ 20%

ข้อมูลจาก Qunar แพลตฟอร์มท่องเที่ยวของจีน เปิดเผยว่าในช่วงสุดสัปดาห์ของวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เกาหลีใต้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนในต่างประเทศ แซงหน้าญี่ปุ่น ซึ่งเคยครองอันดับหนึ่ง

และตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม เริ่มมีการค้นหาสถานที่ท่องเที่ยว, โรงแรม/ที่พัก ในประเทศไทย, ฮ่องกง, มาเลเซีย, สิงคโปร์, เวียดนาม และอินโดนีเซีย

หนึ่งในนักท่องเที่ยวคนจีนให้สัมภาษณ์กับ South China Moring Post ว่าเธอจองที่พักและตั๋วบินไปสิงคโปร์ ตั้งแต่ที่รู้ว่ารัฐบาลจะคว่ำบาตรญี่ปุ่น เพราะคิดว่าสิงคโปร์ง่ายต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ทั้งภาษาที่พูดจีนกลางได้, ภาษาอังกฤษ และเดินทางไม่ไกล

Subramania Bhatt ซีอีโอบริษัท China Trading Desk ซึ่งเป็นบริษัทด้านการตลาดและเทคโนโลยีการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ยอดจองใหม่จากจีนมายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น สิงคโปร์, ไทย, มาเลเซีย และเวียดนาม สูงกว่าค่าเฉลี่ยรายสัปดาห์ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนประมาณ 15-20%

โดยเฉพาะในสิงคโปร์ บริษัทมียอดจองเพิ่มขึ้นประมาณ 20-25% ในช่วงหลายสัปดาห์นับตั้งแต่มีประกาศเตือนการเดินทางไปญี่ปุ่น เทียบกับช่วงเดียวกันของเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีก่อน

สำหรับสถานการณ์ท่องเที่ยวในไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เผยข้อมูลเมื่อไม่กี่วันก่อนว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาไทยมีจำนวนกว่า 29 ล้านคนแต่ลดลงกว่าปกติ 7.25% ขณะที่ นักท่องเที่ยวต่างชาติรายใหญ่ที่มาไทย อันดับหนึ่งคือ มาเลเซีย และตามด้วยจีน (ข้อมูลวันที่ 1 ม.ค.- 30 พ.ย.2025)

ส่วนประเทศอื่นๆ ที่เดินทางมาไทย เช่น อินเดีย, รัสเซีย และเกาหลีใต้ คำถามที่กระทรวงฯ ต้องคิดเพิ่มคงเป็นกลยุทธ์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ที่เหลือไม่ถึง 1 เดือนเต็ม และที่สำคัญไทยต้องการเวลคัมนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งนี้ระหว่างญี่ปุ่นกับจีน

อย่างน้อยๆ ไทยคงต้องมี ‘แม็กเน็ต’ เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้กลับมาคึกคักแบบเดิม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศไหนก็ตาม

Prakaiporn WriterPrakaiporn

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง