“ทำไมเราต้องมีเครื่องมือเศรษฐศาสตร์และกองทุนในร่าง พรบ.อากาศสะอาด?” เสียงจากภาควิชาการ ถึง พรรคการเมืองในการเลือกตั้ง 2569

“ทำไมเราต้องมีเครื่องมือเศรษฐศาสตร์และกองทุนในร่าง พรบ.อากาศสะอาด?” เสียงจากภาควิชาการ ถึง พรรคการเมืองในการเลือกตั้ง 2569

ข่าวประชาสัมพันธ์

วันที่ 16 ธ.ค.2568 5 สถาบันรวมพลังขับเคลื่อนเพื่ออากาศสะอาดและสุขภาพที่ดีสำหรับคนไทยทุกคน ในงานเสวนา Brown Bag & Econ-KU Break Talk หัวข้อ “ทำไมเราต้องมีเครื่องมือเศรษฐศาสตร์และกองทุนในร่าง พรบ.อากาศสะอาด?” เมื่อวันอังคารที่ 16 ธันวาคม 2568 ณ อาคารปฏิบัติการคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีวิทยากรรับเชิญได้แก่ 1) รศ.ดร.ขนิษฐา แต้มบุญเลิศชัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2) รศ.ดร.อดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อาจารย์ประจำคณะพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ และ 3) คุณสฤณี อาชวานันทกุล หัวหน้าทีมวิจัย แนวร่วมการเงินที่เป็นธรรมประเทศไทย ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.วิษณุ อรรถวานิช อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายอากาศสะอาดประเทศไทย

รศ.ดร.ขนิษฐา ได้ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบของมลพิษทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นผ่านสถิติการเสียชีวิตกว่า 7 ล้านคนทั่วโลก โดยจำนวนผู้เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา นอกจากนั้น มลพิษทางอากาศยังทำให้เกิดการเจ็บป่วยจำนวนมากทำให้สูญเสียผลิตภาพแรงงาน สร้างความเสียหายทั้งทางเศรษฐกิจและทางสังคม รวมถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำ โดยปัญหามลพิษทางอากาศเกิดจาก “แรงจูงใจด้านราคาที่บิดเบือนในตลาด” กล่าวคือ ราคาสินค้าที่ก่อมลพิษที่ผู้บริโภคจ่ายจริงต่ำกว่าต้นทุนที่แท้จริงต่อสังคมอย่างมาก เมื่อราคาสินค้าที่ก่อมลพิษถูกกว่าความเป็นจริง ผู้คนก็ใช้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการปล่อยมลพิษในระดับที่สูงเกินกว่าที่สังคมต้องการ

 

ด้าน รศ.ดร.อดิศร์ ได้ให้ข้อมูลเชิงวิชาการว่าสิทธิในการสูดอากาศสะอาดควรอยู่ประชาชน อีกด้านหนึ่งก็หมายความว่าผู้ปล่อยมลพิษไม่มีสิทธิ และจากการกำหนดสิทธินี้เอง หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้จ่าย (Polluter Pays Principle) จึงตามมาโดยตรง นอกจากประเด็นเรื่องสิทธิแล้ว ร่าง พรบ. ฉบับนี้ยังตั้งอยู่บนแนวคิดเรื่องความเป็นธรรมด้านสิ่งแวดล้อม ประเทศไทยไม่ได้มีแต่ผู้ประกอบการที่ทำลายสิ่งแวดล้อม ตรงกันข้าม มีผู้ประกอบการจำนวนมากที่มีกระบวนการผลิตที่สะอาด มีมาตรฐาน และพยายามปรับตัว แต่ผู้ประกอบการเหล่านี้ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงกว่าและกลับขายของได้ยากกว่า

 

ด้านคุณสฤณีได้ชี้ให้เห็นว่าเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างเศรษฐกิจสีเขียว การมีแต่มาตรการเชิงสนับสนุน (Carrots) โดยเปิดโอกาสให้ผู้ปล่อยมลพิษโดยเฉพาะรายใหญ่เลือกทำหรือไม่ทำตามความสมัครใจไม่เพียงพอต่อการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว คุณสฤณีเห็นสอดคล้องกับ รศ.ดร.อดิศร์ ว่ามาตรการเชิงลงโทษ (Sticks) จะทำหน้าที่สร้างมาตรฐานพื้นฐาน (Baseline) และความคาดหวังร่วมกันในระบบเศรษฐกิจ โดยกำหนดระดับการปล่อยมลพิษที่ยอมรับได้ และกำหนดบทลงโทษเมื่อมีการปล่อยเกินมาตรฐาน ซึ่งช่วยสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมระหว่างผู้ประกอบการ

วิทยากรทั้ง 3 คนและผู้ดำเนินรายการเห็นตรงกันว่าเครื่องมือและมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ในร่าง พรบ.บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดฉบับล่าสุดที่ผ่านวาระที่ 2 ของสภาผู้แทนราษฎรมีความเหมาะสมและครบถ้วน ไม่ควรตัดเครื่องมือใดออกเพราะมีเครื่องมือมากๆ ให้เลือกใช้ดีกว่ามีเครื่องมือน้อยให้เลือกใช้ เช่น กรณีช่างต้องไปซ่อมรถ การเตรียมอุปกรณ์ที่หลากหลายย่อมให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แต่น่าเสียดายที่ทางคณะกรรมาธิการจากฝั่งของท่านสมาชิกวุฒิสภาเสนอให้ตัด “ระบบฝากไว้ได้คืน” ออกทั้งหมด (ส่วนที่ 5 ใน พรบ. มาตรา 175-176) ทำให้การแก้ปัญหามลพิษทางอากาศไม่ครบวงจรของสินค้าโดยเฉพาะเมื่อสินค้าที่ซื้อมาใช้กลายเป็นขยะที่ถูกทิ้งขว้าง เช่น ถังสารเคมีกำจัดศัตรูพืช สุดท้ายขยะเหล่านี้จะจบลงด้วยการนำไปเผาทิ้งและสร้างมลพิษทางอากาศทำให้คนสูดดมเจ็บป่วยและเสียชีวิตก่อนวัยอันควรในที่สุด

 

ทุกคนยังเห็นตรงกันว่า กองทุนอากาศสะอาดจากร่าง พรบ.อากาศสะอาด (หมวด 7 มาตรา 196-206) เป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีในร่าง พรบ.อากาศสะอาด แต่น่าเสียดายที่มีท่าน สว. เสนอให้ตัดออกเพราะมองว่าซ้ำซ้อนกับกองทุนสิ่งแวดล้อมและน่าจะใช้กลไกงบประมาณแผ่นดินได้เหมือนที่เคยทำมาในอดีต วิทยากรให้ข้อสังเกตว่ากองทุนสิ่งแวดล้อมในแต่ละปีได้รับงบประมาณแผ่นดินน้อยมากและไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหา และการพึ่งพางบประมาณแผ่นดินทำให้การแก้ปัญหาขาดความต่อเนื่องเพราะมีความไม่แน่นอนในการได้รับงบประมาณในแต่ละปี เมื่อผู้ก่อมลพิษได้รับความช่วยเหลือไม่ต่อเนื่องทำให้ขาดแรงจูงใจในการปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตจากการผลิตที่ปล่อยมลพิษสูงไปสู่การผลิตที่มุ่งสู่อากาศสะอาด นอกจากนั้น การพึ่งพางบประมาณแผ่นดินทำให้การแก้ปัญหาล่าช้าเพราะงบประมาณมีการจัดสรรรายปีแต่ปัญหามลพิษทางอากาศเกิดขึ้นเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์ ดังนั้น หากมีกองทุนเฉพาะที่ระบุชัดเจนว่า เงินจะถูกนำไปใช้ทำอะไร มีแหล่งที่มาของเงินชัดเจน และมีการบริหารจัดการและธรรมาภิบาลที่ดี จะช่วยขับเคลื่อนเรื่องอากาศสะอาดได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ด้านรศ.ดร.วิษณุ ได้สรุปท้ายงานว่าทางผู้จัดงานเสวนาหวังว่าข้อมูลเชิงวิชาการที่ได้จะเป็นข้อมูลชิ้นสำคัญให้กับพรรคการเมืองทุกพรรคพิจารณาบรรจุเรื่องการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศและการผลักดัน ร่าง พรบ. อากาศสะอาดเป็นนโยบายหลักในการหาเสียง และช่วยให้ข้อมูลกับประชาชนผู้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งเพื่อตัดสินใจเลือกพรรคการเมืองที่ให้กับสำคัญกับสุขภาพของประชาชนอย่างแท้จริง นอกจากนั้น หวังว่าข้อมูลเชิงวิชาการจะช่วยส่งสัญญาณไปยังสมาชิกวุฒิสภาให้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนไทยให้มากกว่าผลประโยชน์ของธุรกิจผู้ก่อมลพิษทางอากาศ

แท็กที่เกี่ยวข้อง
TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง