
วันที่ 20 พ.ย. ช่วงค่ำ ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วาระรับทราบรายงานประจำปี 2561 ของศาลรัฐธรรมนูญ มี ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ใช้สิทธิ์อภิปราย คือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล, นายรังสิมันต์ โรม, นายชำนาญ จันทร์เรือง
นายปิยบุตร แสงกนกกุล กล่าวว่า ตนยังยืนยันว่าชอบอ่านรายงานของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีสถิติคดีว่ารับคำร้องเท่าไร วินิจฉัยไปแล้วเท่าไหร่ มีสรุปย่อแนวคำวินิจฉัยต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับการค้นคว้าทั่วไป สำหรับรายงานปีที่แล้วมีการทำงานวิจัยเกี่ยวกับการละเมิดอำนาจศาล จนที่สุดมีผลผลักดันให้มีข้อกำหนดเรื่องนี้ออกมาเป็นกฎหมาย ระบุ ห้ามมิให้ผู้ใดบิดเบือนข้อเท็จจริง วิจารณ์โดยไม่สุจริต หยาบคาย ปลุกปั่น ยุยง อาฆามาตร้าย ฯลฯ ถ้าวิจารณ์ลักษณะจะเป็นการละเมิด มีการกำหนดโทษ ซึ่งตนอยากทราบว่า กรณีล่าสุดในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา และคาดหวังว่าจะมีการเขียนไว้ในรายงาน กรณีศาลรัฐธรรมนูญได้เชิญ รศ.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ และนายยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังไปพบ ถามว่า ตรงนี้อาศัยอำนาจตามกฎหมายมาตราไหน เพราะถ้าไม่มีกฎหมาย ก็ไม่มีอำนาจ การออกหนังสือเชิญประชาชนไปสำนักงานศาล เขาไม่ไปได้หรือไม่ และถ้าไม่ไปจะโดนคดีละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ และที่ไปคุยอะไรกันนั้นคุยเรื่องอะไร
“การเรียกคุย ปรับความเข้าใจในลักษณะนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเหมือนสมัยที่เพื่อนสมาชิก นักการเมืองหลายๆท่าน ถูกทหารเรียกไปกินกาแฟเพื่อปรับทัศนคติ เรื่องนี้สำคัญ เพราะการวิจารณ์คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญนั้น ท่านเขียนไว้ชัดว่าสามารถทำได้ เพียงแต่วิจารณ์อย่างไร ซึ่งปัญหาคือ การเขียนแบบนี้ใครเป็นคนบอกว่าอย่างไรบิดเบือน ไม่สุจริต ปลุกปั่น อาฆาตมาดร้าย ซึ่งถ้าเกิดมีคนทำ แต่ท่านบอกว่าเข้าข่าย และท่านริเริ่มคดีเอง เรียกคุยเอง แล้วหลักประกันบุคคลวิพากษ์วิจารณ์อยู่ที่ไหน เมื่อเป็นแบบนี้ก็กลับไปสู่ระบบเดิมคือแต่ละคนก็จะเซ็นเซอร์ตัวเอง เช่นวันนี้ ที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมา ก็เริ่มมีคนแชร์ให้ระวังโทษจนอาจทำให้ไม่มีใครกล้าวิจารณ์ ผมขอยืนยันเช่นเดิมว่า การวิจารณ์จะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ศาลรัฐธรรมนูญเอง” นายปิยบุตร กล่าว

จากนั้นนายเชาวนะ ไตรมาศ เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ชี้แจงประเด็นการอภิปรายของนายปิยบุตร เรื่องข้อกำหนดการละเมิดอำนาจศาลว่า เข้าใจว่าท่านติดอกติดใจเรื่องนี้ทุกครั้งที่สำนักงานศาลมารายงานผลการดำเนินงาน ซึ่งท่านให้ข้อสังเกตและวิพากษ์วิจารณ์ในความห่วงใยว่ากฎหมายละเมิดอำนาจศาล จะทำให้ศาลใช้อำนาจเกินขอบเขต หรือจะทำให้ไปก้าวล่วงสิทธิเสรีภาพ ทางวิชาการของประชาชนนั้น ในทางปฏิบัติจะเห็นว่ากฎหมายนี้วางหลักไว้เคร่งครัดว่าจะให้ใช้ในกรณีที่จำเป็นตามเหตุตามควร ศาลไม่ได้ใช้ตามอำเภอใจ การใช้ก็ต้องใช้ตามองค์ประกอบที่กฎหมายกำหนดไว้ ฉะนั้นตรงนี้ไม่น่าห่วงใย
“แต่เพื่อประโยชน์ที่จะให้ความกระจ่างในการพูดถึงที่มาของการมีกฎหมายละเมิดอำนาจศาล เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่าศาลเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่ในการระงับ และเยียวยาปัญหาพิพาทตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นการคุ้มครองการละเมิดอำนาจศาล แท้ที่จริงแล้วเป็นการคุ้มครองครองต่อการเคารพกฎหมาย ขณะเดียวกันก็เป็นการคุ้มครองต่อคุณธรรมของกฎหมายที่ศาลใช้ในการประศาสตร์ความยุติธรรมให้กับประชาชน การคุ้มครองตรงนี้จึงไม่ได้เป็นคุ้มครองตุลาการหรือคุ้มครองตัวศาล แต่คุ้มครองกระบวนการในการอำนวยความยุติธรรมของศาลซึ่งเป็นการเคารพต่อกฎหมาย คุ้มครองต่อกฎหมาย”

ด้านนายปิยบุตร ขอคำชี้แจงเพิ่มเติมว่าท่านยังไม่ได้ตอบกรณีที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเรียกเชิญ รศ.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ นักวิชาการ และนายยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ ไปชี้แจงกรณีถูกระบุว่าละเมิดอำนาจศาล ได้ใช้กฎหมายข้อใดในการเรียก
นายเชาวนะ กล่าวว่า แนวทางตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทางสำนักงานมีอำนาจรวบรวมข้อเท็จจริงให้ศาลพิจารณา จากผู้ที่มีการแสดงความเห็นซึ่งเป็นการกระทำผ่านโซเชียล เพื่อเป็นการยืนยันข้อเท็จจริง จึงเชิญมาชี้แจงตามที่ผู้ถูกอ้างชื่อว่ากระทำด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งศาลพิจารณาวินิจฉัยแล้วไม่ได้มีการลงโทษแต่ประการใด









