นายกฯ แนะ สธ. ปรับรูปแบบรักษาโควิด-19 ให้เร็วขึ้น ลดจำนวนผู้ป่วย พร้อมเปิด 2 แอป หาหมอออนไลน์ จัดส่งยาถึงบ้าน คาดโควิดรอบนี้อาจเพิ่มสูงขึ้นแต่เชื่อว่าอยู่ในระดับสีเขียวเพราะคนไทยเข้าใจวิธีดูแลตัวเอง
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในขณะนี้ ว่า มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แต่ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยกลุ่มอาการสีเขียว คือ มีอาการเล็กน้อย เช่น มีไข้ อุณหภูมิ 37.5 องศาขึ้นไป จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส เจ็บคอ ไอ มีน้ำมูก มีเสมอหะ เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้ กระทรวงสาธารณสุขได้ออกแนวทางปฏิบัติให้รับการรักษาแบบผู้ป่วยนอกและแยกกักตัวที่บ้าน โดยผู้ที่ตรวจ ATK แล้วขึ้น 2 ขีด ให้ไปรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกที่หน่วยบริการตามสิทธิรักษาของตน รับยาแล้วกลับมากักตัวที่บ้าน 7+3 วันต่อ
ส่วนกรณีเป็นกลุ่มเสี่ยง กลุ่ม 608 การรักษาขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ ส่วนผู้ป่วยโควิด-19 สิทธิบัตรทอง (สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ) ที่อยู่ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล 5 จังหวัด นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ และสมุทรสาคร
นอกจากการรักษาตามแนวทางดังกล่าวแล้ว สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้เพิ่มการให้บริการรักษาด้วยระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) เป็นความร่วมมือกับ 2 บริษัทผู้ให้บริการแอปพลิเคชันด้านสุขภาพดิจิทัล ผ่าน แอปฯ “Good Doctor Technology” และ แอปฯ “MorDee (หมอดี)” คือ เมื่อผู้ป่วยโควิด-19 (เฉพาะสิทธิบัตรทอง) ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันเพียงอันใดอันหนึ่ง จะได้พบแพทย์ออนไลน์ ซึ่งจะทำการประเมินอาการ และจัดส่งยาถึงบ้านตามความจำเป็นโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
บางรายอาจได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการ ประชาชนสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ ทั้งไลน์ สปสช. และไอดีไลน์ @nhso
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แนะ สธ. ปรับรูปแบบการรักษาให้เร็วขึ้น ลดจำนวนผู้ป่วยหนักให้น้อยลง รับมือตัวเลขผู้ติดเชื้อที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงเร่งฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม 608
กระทรวงสาธารณสุขคาดการณ์ว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศ รอบนี้อาจจะขึ้นสูงสุดช่วงหลังวันที่ 12 ส.ค. 2565 แต่เชื่อว่าระดับความรุนแรงยังอยู่ที่ระดับ 2 คือเป็นสีเขียว เนื่องจากคนไทยมีความคุ้นเคย เข้าใจวิธีการป้องกันดูแลตนเองหลังจากมีประสบการณ์เผชิญกับโควิด-19 ตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ทั้งการสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี เว้นระยะห่าง หมั่นล้างมือ รวมทั้งการเดินทางในรอบหยุดยาว ที่ ประชาชนยังคงมาตรการป้องกันส่วนบุคคลค่อนข้างดี และมาตรการต่างๆ ของการคมนาคมขนส่งสาธารณะที่เข้มข้น
