สธ.ยันไทยชะลอฉีดวัคซีนโควิด “แอสตราเซเนกา” รอผลพิสูจน์จะกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย

สธ.ยันไทยชะลอฉีดวัคซีนโควิด “แอสตราเซเนกา” รอผลพิสูจน์จะกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย

COVID-19

คณะแทพย์ กระทรวงสาธารณสุข แถลงเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา ให้กับนายกฯ และคณะ หลังพบผลข้างเคียงเกิดภาวะลิ่มเลือด รอการสืบสวน 1-2 สัปดาห์เมื่อมั่นใจปลอดภัยแล้วจะเดินหน้าฉีดต่อ

วันที่ 12 มี.ค. 64 ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร พร้อมด้วย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศ.เกียรติคุณ พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงข่าวกรณีเลื่อนการฉีดวัคซีน แอสตราเซนเนก้า

ศ.เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กล่าวว่า  กระทรวงสาธารณสุขมีเป้าหมายคือวัคซีนที่จะให้กับประชาชนจะต้องปลอดภัย เมื่อมีรายงานอาการไม่พึงประสงค์เกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนจึงไม่จำเป็นต้องรีบฉีดวัคซีน แม้ทางบริษัทแอสตราเซเนกาจะยืนยันว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพ มีคุณภาพและปลอดภัย ฉีดไปทั่วโลกแล้วกว่า 34 ล้านโดส แต่เมื่อมีคำแนะนำให้ชะลอก่อนเราก็ควรชะลอการให้วัคซีนไปก่อน เพื่อรอให้ผลการสืบค้นให้ชัดเจนว่า อาการลิ่มเลือดที่เกิดขึ้น เกิดจากการฉีดวัคซีนโดยตรงหรือไม่ หากผลการตรวจสอบไม่พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับวัคซีนก็จะเดินหน้าฉีดวัคซีนให้กับประชาชนต่อไป พร้อมขอให้ประชาชนมั่นใจว่า สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขจัดหามาให้กับประชาชนเป็นสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่ทีมสาธารณสุขจะสามารถทำได้

ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล กล่าวว่า แอสตราเซเนกาได้ส่งวัคซีนให้กับ 17 ประเทศในสหภาพยุโรป และมีการทยอยฉีด แต่ในเดนมาร์กมีผู้ป่วย 1 รายที่เสียชีวิต และมีอีกหลายรายที่เกิดลิ่มเลือดตามหลอดเลือดต่างๆ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขเดนมาร์กไม่ได้ระบุว่า เกิดจากการฉีดวัคซีน แต่เป็นขั้นตอนตามปกติเมื่อพบอาการไม่พึงประสงค์ คือชะลอการฉีดและไปสืบค้นหาสาเหตุ ขณะเดียวกัน 6 ประเทศในยุโรปประกาศหยุดการใช้ แต่เป็นการประกาศชะลอเพื่อความปลอดภัยเพื่อรอผลการสืบค้นของเดนมาร์ก และรอผลตรวจสอบจากองค์กรยาของสหภาพยุโรป ที่เมื่อวานประกาศยืนยันว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกายังปลอดภัย และไม่ได้ประกาศให้หยุดใช้วัคซีนของแอสตรา แต่จะไปสืบค้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเกิดจากการฉีดวัคซีนหรือไม่ ย้ำว่าวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นคนละแบบกับที่ส่งให้กับประเทศไทยและในเอเชีย และยังไม่เคยมีรายงานว่าเกิดอาการลิ่มเลือดจากวัคซีนตัวใด แต่เนื่องจากวัคซีนของแอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนใหม่ จึงต้องหาคำตอบให้ชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่

ด้านศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอบคำถามในช่วงท้ายว่า อาการลิ่มเลือดนั้น เกิดขึ้นได้ในกลุ่มผู้สูงอายุที่ขึ้นเครื่องบินแล้วไม่ค่อยได้ขยับตัวหรือไม่ค่อยดื่มน้ำ ทำให้เกิดลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ แล้วบางครั้งหลุดไปอุดตันในปอด ทำให้เลือดไหลกลับเข้าไปปอดไม่ได้ บางครั้งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งอาการนี้พบในกลุ่มคนเชื้อชาติแอฟริกันและยุโรปมากกว่าเอเชียถึง 3 เท่า และมีปัจจัยทางพันธุกรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเป็นโรคที่พบได้ในยามปกติ การฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาในประเทศแถบยุโรป 3 ล้านโดส แล้วเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ 22 คน เสียชีวิต 1 ราย เท่ากับโอกาสการเกิด 7 ในล้านราย ดังนั้นจึงต้องมีการสอบสวนว่า อาการนี้เกิดขึ้นในภาวะปกติ หรือฉีดวัคซีนแล้วเกิดมากกว่าในภาวะปกติหรือไม่ หากพบว่าฉีดวัคซีนแล้วเกิดภาวะนี้มากกว่าปกติ ก็ต้องไปสืบค้นต่อว่า วัคซีนทำให้เกิดลิ่มเลือดได้อย่างไร ดังนั้นการชะลอฉีดออกไปก่อนก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากนั้น จึงควรชะลอออกไปก่อน ไม่ใช่ยุติการฉีด

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวสรุปว่า แม้จะชะลอการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา แต่การฉีดวัคซีนของซิโนแวคยังเดินหน้าตามปกติ โดยจะทยอยฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามแผนที่วางไว้

TODAYWriterTODAY

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง
สธ.ยันไทยชะลอฉีดวัคซีนโควิด “แอสตราเซเนกา” รอผลพิสูจน์จะกว่าจะมั่นใจว่าปลอดภัย