ซีพี-โตโยต้า ประกาศร่วมมือกันเพื่อหาทางบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน ผ่านการใช้เทคโนโลยีร่วมกันระหว่างสองฝ่าย เช่น การผลิตไฮโดรเจนจากของเสียในฟาร์ม และการปรับปรุงประสิทธิภาพการขนส่งโดยใช้รถยนต์ไฟฟ้าจากโตโยต้า เป็นต้น
ในเอกสารประกาศระบุว่า ซีพี กำหนดเป้าหมายสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral ภายในปี ค.ศ. 2030 และการบรรลุเป้าหมาย Zero Carbon ภายในปี ค.ศ. 2050
กรอบความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น และทำได้เลยคือ
- ศึกษาการผลิตไฮโดรเจนโดยใช้ก๊าซชีวภาพที่ได้จากของเสียจากฟาร์มในประเทศไทย (การศึกษาในเขตเศรษฐกิจพิเศษ)
- การใช้รถบรรทุกพลังงานไฟฟ้าแบบเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) ในกิจกรรมของ ซีพี ซึ่งจะใช้ไฮโดรเจนดังกล่าว (นำเสนอแนวทางที่หลากหลาย เช่น BEV และ FCEV โดยพิจารณาจากระยะการเดินทางและน้ำหนักบรรทุก)
- ศึกษาความร่วมมือด้านการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ โดยอาศัย เทคโนโลยีการเชื่อมต่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเส้นทางการจัดส่ง
นอกจากนี้ ทรู ลิสซิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทในเครือซีพี ผู้ให้บริการด้านการขนส่งรับผิดชอบธุรกิจบริการขนส่งของ ซีพี และ Hino Motors ซึ่งเป็นบริษัทในเครือโตโยต้า จะเข้ามามีส่วนร่วมในความร่วมมือครั้งนี้ด้วย โดยคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในกรอบความร่วมมือข้อ 3
มร.อากิโอะ โตโยดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะกรรมการบริหารของ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “ทั้งสองบริษัทฯ ซึ่งต่างคำนึงถึงประเทศไทยและโลกใบนี้ ได้เห็นร่วมกันที่จะดำเนินการในสิ่งที่เราสามารถเริ่มต้นทำได้ในขณะนี้ โดยอาศัยจุดแข็งและทรัพยากรที่มีอยู่ของแต่ละบริษัทฯ ผมเชื่อว่าการริเริ่มในครั้งนี้ จะนำไปสู่การยอมรับและสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคม”
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสของ ซีพี ได้กล่าวตอบว่า “สิ่งที่ประธานโตโยดะและผม มีร่วมกันคือ ความรู้สึกที่ต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดินไทย ผมรู้สึกยินดีที่ทั้งสองบริษัทฯ มีโอกาสร่วมมือกันเพื่อความเป็นกลางทางคาร์บอนในประเทศไทย และยังเปิดกว้างให้ทุกภาคส่วนมาช่วยกันศึกษา หาแนวทางเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้”
ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะจุดยืนของโตโยต้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่โตโยต้าทำธุรกิจมานาน แต่ในระยะหลังเริ่มเจอคู่แข่งหน้าใหม่มาแรงทั้ง BYD จากจีน และ Tesla จากสหรัฐฯ ที่ทั้งสองบริษัทก็บุกตลาดไทยเต็มที่แล้ว
ที่มา : Asia Nikkei, โตโยต้า










