กกต. ไม่หนักใจ ‘สุรพล เกียรติไชยากร’ อดีต ส.ส.เพื่อไทย ขู่ฟ้องตัดสิทธิ์ ส.ส. หลังแพ้คดีให้ใบส้ม ชี้กฎหมายคุ้มครองการใช้อำนาจ
วันที่ 30 ก.ย. 2563 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชี้แจงจากกรณีที่ศาลเลือกตั้งยกคำร้องคดี นายสุรพล เกียรติไชยากร อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 8 จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ใส่ซองทำบุญช่วงเลือกตั้ง และเจ้าตัวขู่ว่า จะฟ้อง กกต. เรียกร้องค่าเสียหาย 70 ล้านบาท ที่ตัดสินให้ใบส้มมิชอบ และขู่เอาผิด ม.157 หากยังไม่คืนสิทธิการเป็น ส.ส.นั้น
“ทางสำนักงานได้รับทราบคำตัดสินของศาลแล้ว และมีรายงานว่า ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ส.ส. 2561 ระบุไว้ว่าการวินิจฉัยของ กกต. เป็นการใช้ดุลพินิจตามหน้าที่และอำนาจที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 225 ซึ่งคำสั่งดังกล่าวถือเป็นที่สุด และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไปตามที่กฎหมายกำหนด และเป็นการกระทำโดยสุจริต ย่อมได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง ตาม ม.23 วรรคสอง แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561
โดยในมาตรา 225 กำหนดไว้ว่าก่อนประกาศผลการเลือกตั้งหรือการเลือก ถ้ามีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้ง หรือการเลือกนั้นมิได้ เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีอำนาจสั่งให้มีการเลือกตั้ง หรือการเลือกใหม่ ในหน่วยเลือกตั้งหรือเขตเลือกตั้งนั้น ถ้าผู้กระทำการนั้นเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือผู้สมัครรับเลือก แล้วแต่กรณี หรือรู้เห็นกับการกระทำของบุคคลอื่น ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ระงับสิทธิ์ สมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นไว้เป็นการชั่วคราว ตามมาตรา 224 (4) คำสั่งตามวรรคหนึ่งให้เป็นที่สุด
พร้อมกันนี้ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 23 กำหนดว่ากรรมการ เลขาธิการ ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด หรือเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้ง ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ หรือ กฎหมายระเบียบ ประกาศหรือคำสั่งของคณะกรรมการ หรือปฏิบัติตามคำสั่งของศาลอันเกี่ยวกับ การเลือกตั้ง หากได้กระทำโดยสุจริตย่อมได้รับความคุ้มครอง ไม่ต้องรับผิดทั้งทางแพ่ง ทางอาญา หรือทางปกครอง”

ด้าน นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แสดงความเห็นเรื่องนี้ว่า “กรณีดังกล่าวเป็นข้อข้องใจของหลายฝ่ายกับกรณีคำสั่งของ กกต. ที่ให้มีการเลือกตั้งใหม่ เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ ก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง โดยอ้างเหตุผู้สมัครมีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง คือการกล่าวหาว่า การใส่ซองทำบุญให้กับพระสงฆ์ จำนวน 2,000 บาท มีมูลความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 (2) ฐานให้เงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมแก่ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันอื่นใดในช่วงที่มีการเลือกตั้ง คำสั่งดังกล่าว รัฐธรรมนูญ และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ให้ถือว่าคำสั่งถึงที่สุด จนมีการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่จนได้ น.ส.ศรีนวล บุญลือ ที่ชนะการเลือกตั้งซ่อมในเขตดังกล่าว
ต่อมา ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้มีเนื้อความตามคำพิพากษามีสาระสำคัญว่าการกระทำดังกล่าวไม่เป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่กระบวนการต่างๆ ได้ดำเนินมาจนยากที่จะเยียวยากับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคำสั่งดังกล่าว เพราะได้จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แล้ว










