
วันที่ 21 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยคดีที่นายณฐพร โตประยูร ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่กรณีล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยเริ่มอ่านในเวลา 12.03 น. จากเดิมที่กำหนดไว้ 11.30 น.
.
ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย เรื่องข้อบังคับพรรคและสัญลักษณ์ว่า ผ่านกระบวนการพิจารณาของ กกต.มาแล้ว หากพบภายหลังว่าผิดเป็นอำนาจของนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่จะส่งเรื่องให้ กกต.พิจารณาได้ แต่ไม่มีขั้นตอนนี้เกิดขึ้น

ส่วนพฤติกรรมของนายธนาธร นายปิยบุตร และกรรมการบริหารพรรค ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงเพียงพอว่าใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
.
“การพิจารณาว่าบุคคลใดจะใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรค 1 จะต้องปรากฏข้อเท็จจริงที่ชัดเจนเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความมุ่งหมายและความประสงค์นั้น ถึงระดับที่วิญญูควรจะอาจคาดเห็นได้ว่าน่าจะทำให้เกิดผลเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยการกระทำนั้นจะต้องดำเนินอยู่และจะต้องไม่ห่างไกลเกินกว่าเหตุ”

“แต่ข้อเท็จจริงเท่าที่ปรากฏในคดี เป็นเพียงข้อมูลข่าวสารจากเว็บไซต์ สื่อสิ่งพิมพ์ และสื่ออินเทอร์เน็ตและยังไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าผู้ถูกร้องทั้ง 4 มีพฤติการหรือการกระทำตามความคิดเห็นที่ผู้ร้องกล่าวอ้างแต่อย่างใด กรณีจึงไม่ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงพอที่จะฟังได้ว่า การกระทำของผู้ร้องทั้ง 4 เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 49 วรรค 1”

แต่ศาลระบุว่าพฤติกรรมของนายธนาธร นายปิยบุตร และกรรมการบริหารพรรค จะผิดกฎหมายอื่นหรือไม่ต้องไปว่ากล่าวต่างหาก

อย่างไรก็ตาม ศาลได้ระบุตอนหนึ่งถึง คำแถลงอุดมการณ์ของพรรค ที่ใช้คำว่า หลักประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ ควรจะให้มีชัดเจนไม่คลุมเครือต่างจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 2 ที่บัญญัติว่า การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อันจะก่อให้เกิดความแตกแยกได้ ซึ่ง กกต.มีอำนาจพิจารณาให้เพิกถอนข้อบังคับนั้นเพื่อป้องกันความสับสน ขัดแย้งได้










