‘นันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์’ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ นำทีมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่พบผู้ประกอบการและเยี่ยมชมสวนพริกไทย ณ บริษัท บ้านสวนมรดกพริกไทยตรัง จำกัด ซึ่งเป็นสวนพริกไทยที่ผ่านการรับรองแปลงปลูกพริกไทยตรัง และโรงงานแปรรูปพริกไทยตรังมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์สากล EU Organic เป็นที่แรกในประเทศไทย ซึ่งพริกไทยตรัง เป็นอีกหนึ่งสินค้าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) ของจังหวัดตรัง

‘นันทพงษ์’ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสินค้า GI ขึ้นทะเบียนแล้ว 216 รายการ สร้างมูลค่าให้แก่เศรษฐกิจประเทศกว่า 77,000 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2566 กว่า 20,000 ล้านบาท และเมื่อปี 2565 กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ประกาศขึ้นทะเบียนสินค้าพริกไทย จังหวัดตรัง เป็นหนึ่งในสินค้า GI ที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เพราะเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของเมืองตรังและมีความโดดเด่นทางภูมิศาสตร์ที่ปลูกกันมากในพื้นที่อำเภอทับเที่ยง อำเภอกันตัง และอำเภอปะเหลี่ยน โดยพริกไทยตรัง เป็นพริกไทยอ่อน พริกไทยแห้งชนิดเม็ดและป่น ซึ่งผลิตจากพริกไทยสายพันธุ์พื้นเมือง (ปะเหลียน) ที่กลิ่นหอมและมีรสชาติที่โดดเด่น เป็นอัตลักษณ์เฉพาะของพริกไทยตรังที่เผ็ดร้อนแตกต่างจากพริกไทยสายพันธุ์อื่น
‘นันทพงษ์’ กล่าวเพิ่มเติมว่า พริกไทยอินทรีย์เม็ดแดงของจังหวัด มีมูลค่าสูง โดยจำหน่ายได้ถึงกิโลกรัมละ 3,000 บาท ถือเป็นสินค้าที่มีราคาสูงมาก แสดงให้เห็นว่า สินค้า GI สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าได้เป็นอย่างดี โดยได้แนะให้ผู้ประกอบการขยายพื้นที่ปลูกพริกไทยตรังเพิ่มขึ้น เนื่องจากพริกไทยตรังเป็นสินค้าที่เป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งเป็นสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์พยายามทำมาโดยตลอด นั่นคือการยกระดับรายได้ และขยายโอกาสโดยเชื่อมโยงผู้ประกอบการและพี่น้องเกษตรกรในการทำงานร่วมกัน โดยผู้ประกอบการและเกษตรกรจะได้รับประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI ด้วยรสชาติที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะพื้นที่ เมื่อมีการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI ยิ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่า หากผู้บริโภค หรือร้านอาหารที่นำพริกไทยไปเป็นวัตถุดิบในการปรุงรสชาติอาหารแล้วจะ ต้องเลือกใช้พริกไทยตรังเท่านั้น

“กระทรวงพาณิชย์อยากให้ผู้ประกอบการเชื่อมโยงกับเกษตรกรในพื้นที่ในการเพิ่มจำนวนผลผลิตต่อไร่ หรือการเพิ่มพื้นที่การปลูกเพราะการเพิ่มผลผลิตจะทำให้ผู้ประกบอการและเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นโดยกระทรวงพาณิชย์จะทำหน้าที่หาตลาดรองรับ ไม่ว่าจะเป็นการประสานห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น Tops ในการนำพริกไทยเข้าไปวางขาย รวมถึงนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในร้านอาหารระดับมิชลิน และ Thai Select เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม ให้กับสินค้าไทยไปสู่ระดับสากล”













